ดาวโจนส์บวก 224 จุด จับตาผลประกอบการ,ประชุมเฟด
ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันจันทร์ (29ม.ค.)ปรับตัวขึ้น 224 จุด ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน และการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์นี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 224.02 จุด หรือ 0.59% ปิดที่ 38,333.45 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี500 ปรับตัวขึ้น 0.76% ปิดที่ 4,927.93 จุด และดัชนีแนสแด็กบวก 1.12% ปิดที่ 15,628.04 จุด
ทั้งนี้ บริษัท 5 แห่งซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ในกลุ่มเทคโนโลยีจะประกาศผลประกอบการในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ไมโครซอฟท์ แอปเปิ้ล เมตา อะเมซอน และอัลฟาเบท โดยบริษัทดังกล่าวเป็นผู้นำการดีดตัวขึ้นของตลาดตั้งแต่ต้นปีนี้
นักลงทุนเทน้ำหนักเกือบ 100% ต่อคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์นี้
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 97.9% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 30-31 ม.ค.
ผลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์ระบุว่า นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ และมีโอกาสเกิดขึ้นในเดือนมิ.ย.มากกว่าเดือนพ.ค.
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ทั้ง 123 คนในการสำรวจคาดการณ์ว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 30-31 ม.ค. ขณะที่ 86 รายคาดว่าเฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในไตรมาส 2
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ 55 รายยังคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย. ขณะที่ 31 รายคาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือนพ.ค. และมีเพียง 16 รายที่คาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค. ส่วนนักวิเคราะห์ที่เหลือคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งปีหลัง
ผลการสำรวจดังกล่าวพบว่านักวิเคราะห์คาดการณ์กำหนดการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดช้ากว่าที่ตลาดคาดว่าจะเกิดขึ้นอย่างเร็วที่สุดในเดือนพ.ค.
ขณะเดียวกัน ผลสำรวจพบว่า นักวิเคราะห์คาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งรวม 1.00% ในปีนี้ ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 5 ครั้งรวม 1.25% ในปีนี้