ดาวโจนส์ดิ่ง 274 จุด หลังสหรัฐเผยดัชนีภาคบริการแกร่งกว่าคาด
ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันจันทร์(5ก.พ.)ปรับตัวร่วงลง 274 จุด หลังสหรัฐเปิดเผยดัชนีภาคบริการที่แข็งแกร่งเกินคาด ซึ่งจะเป็นปัจจัยทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงยาวนานกว่าที่คาดไว้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ลดลง 274.30 จุด หรือ 0.71% ปิดที่ 38,380.12 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 15.80 จุด หรือ 0.32% ปิดที่ 4,942.81 จุด และดัชนีแนสแด็ก ลดลง 31.28 จุด หรือ 0.20% ปิดที่ 15,597.68 จุด
ราคาหุ้นของบริษัทแมคโดนัลด์ คอร์ปดิ่งลงกว่า 3% หลังเปิดเผยรายได้ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 53.4 ในเดือนม.ค. จากระดับ 50.5 ในเดือนธ.ค. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 52.0
ดัชนีภาคบริการได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของการจ้างงานและคำสั่งซื้อใหม่ ขณะที่ภาคธุรกิจมีความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ
ดัชนียังคงอยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคบริการของสหรัฐยังคงมีการขยายตัว โดยขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 13
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการดีดตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ และการที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด กล่าวย้ำว่าเฟดจะยังไม่รีบปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคตอันใกล้
ทั้งนี้ นายพาวเวลให้สัมภาษณ์ในรายการ "60 Minutes" ของสถานีโทรทัศน์ซีบีเอสว่า เฟดจะดำเนินการอย่างระมัดระวังในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ และมีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยล่าช้ากว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้
ถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้น หลังจากนายพาวเวลส่งสัญญาณหลังการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 31 ม.ค.ว่า เฟดจะยังไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมี.ค. เนื่องจากเฟดยังไม่มั่นใจต่อทิศทางเงินเฟ้อของสหรัฐ