INTUCH เปิดกำไรปี 66 โต 1.31 หมื่นล้าน เตรียมปันผล 1.70 บาท ขึ้น XD 21 ก.พ.นี้
INTUCH เปิดกำไรปี 2566 โต 1.31 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% เตรียมปันผล 1.70 บาท ขึ้น XD 21 ก.พ.67 นี้ จ่ายปันผล 19 เม.ย.2567 นี้
ใน ปี 2566 เศรษฐกิจไทยขยายตัวชะลอลงจากก่อน โดยมีปัจจัยสำคัญจากการหดตัวของการผลิตภาคอุตสาหกรรมซึ่งเป็นผลจากอุปสงค์ที่ชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าสำคัญของไทย การดำเนินนโยบายการเงินเข้มงวดของกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลัก ปัจจัยเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์โลก การปรับเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์
อย่างไรก็ตาม ภาคบริการ และการบริโภคภายในประเทศการปรับดีขึ้น และยังคงเติบโตต่อเนื่องตามจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งไทย และต่างชาติ โดยภาคท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวต่อเนื่องถือเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจ โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทยอยปรับดีขึ้นอย่างชัดเจน แม้จำนวนนักท่องเที่ยวหลักจากจีนยังฟื้นตัวช้ากว่าคาด
ทั้งนี้ อุตสาหกรรมโทรศัพท์เคลื่อนที่ในประเทศไทย ได้มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญจากการควบรวมกิจการของผู้ให้บริการในตลาด ทำให้เหลือผู้ให้บริการหลักในอุตสาหกรรม 2 ราย และผู้ให้บริการที่เป็นรัฐวิสาหกิจ 1 ราย ด้วยกลยุทธ์การมุ่งเน้นที่คุณภาพสินค้า และบริการ และกลยุทธ์การนำเสนอบริการที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ส่งผลให้เอไอเอสมีรายได้จากการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่เติบโตขึ้นร้อยละ 1.2 ซึ่งมากกว่าการเติบโตของรายได้อุตสาหกรรม
โดย ณ สิ้นปี 2566 เอไอเอสมีจำนวนผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่จำนวนทั้งสิ้น 44.6 ล้านราย นอกจากนั้นการเข้าซื้อหุ้นในบริษัททริปเปิ้ลที บรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTTBB และการเข้าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน (JASIF) ของกลุ่มเอโอเอส ทำให้ธุรกิจอินเทอร์เน็ตบ้านของเอไอเอสมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ด้วยฐานลูกค้ากว่า 4.7 ล้านครัวเรือนทั่วประเทศ และก้าวสู่การเป็นผู้นำในตลาดอินเทอร์เน็ตบ้านของประเทศไทยด้วยโครงข่ายที่ครอบคลุมกว่า 13 ล้านครัวเรือน
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH ในปี 2566 กลุ่มอินทัชมีกำไรสุทธิรวม 13,139 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของส่วนแบ่งผลกำไรจากไอทีในธุรกิจอื่น เนื่องจากการกลับรายการประมาณการส่วนต่างของค่าอนุญาตให้ดำเนินการค้างจ่าย และดอกเบี้ยของไอทีวี ภายหลังจากศาลปกครองสูงสุดมีคำตัดสิน และการเพิ่มขึ้นของส่วนแบ่งผลกำไรจากเอไอเอส เนื่องจากการเติบโตของรายได้จากการให้บริการ การควบคุมค่าใช้จ่ายด้านการตลาด และกำไรจากการขายเงินลงทุนในแรบบิท-ไลน์ เพย์ รวมทั้งเอไอเอสมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน ในขณะที่ปีก่อนมีขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน โดยในปี 2566 ผลการดำเนินงานของกลุ่มอินทัชไม่มีส่วนแบ่งกำไรจากไทยคม เนื่องจากอินทัชได้ขายเงินลงทุนในไทยคมไปเมื่อปลายปี 2565
ขณะเดียวกัน ปี 2566 อินทัชมีส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทย่อย และบริษัทร่วม รวม 12,436 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ส่วนใหญ่เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของผลกำไรของไอทีวี และเอไอเอส โดยอินทัชมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานสำหรับปี 2566 อยู่ที่ 176 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปี 2565
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทของอินทัช เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2567 มีมติเสนอการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานปี 2566 ในอัตรา 3.17 บาทต่อหุ้น โดยอินทัชจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในปี 2566 แล้ว ในอัตราหุ้นละ 1.47 บาท คงเหลือที่จะจ่ายในอัตราหุ้นละ 1.70 บาท โดยขึ้น XD วันที่ 21 ก.พ.67 และจ่ายวันที่ 19 เม.ย.67
สำหรับสินทรัพย์ของกลุ่มอินทัช ลดลงร้อยละ 6 จากสิ้นปี 2565 ส่วนใหญ่เป็นผลจากการลดลงของเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดซึ่งอินทัชได้นำไปจ่ายชำระเงินปันผลค้างจ่าย ณ สิ้นปี 2565 ให้แก่ผู้ถือหุ้นในเดือนมกราคม 2566 สุทธิกับการเพิ่มขึ้นของเงินลงทุนในบริษัทร่วมจากผลการดำเนินงานของเอไอเอสในปี 2566 สำหรับการลดลงของสินทรัพย์ทางการเงินหมุนเวียนอื่น เป็นผลจากการขายเงินลงทุนในตราสารหนี้เพื่อมาลงทุนในเงินฝากประจำอายุไม่เกิน 3 เดือน ซึ่งแสดงเป็นส่วนหนึ่งของเงินสด และรายการเทียบเท่าเงินสด
หนี้สินของกลุ่มอินทัช ลดลงจากสิ้นปี 2565 ส่วนใหญ่เป็นผลจากการลดลงของเงินปันผลค้างจ่าย ณ สิ้นปี 2565 ซึ่งอินทัชได้จ่ายเงินปันผลดังกล่าวให้แก่ผู้ถือหุ้นในเดือนมกราคม 2566 และการปรับปรุงประมาณการหนี้สินของไอทีวีตามที่กล่าวไว้ข้างต้น
ส่วนของผู้ถือหุ้นของกลุ่มอินทัช เพิ่มขึ้นร้อยละ 14 จากสิ้นปี 2565 และหากไม่รวมการปรับปรุงประมาณการหนี้สินดังกล่าว ส่วนของผู้ถือหุ้นของกลุ่มอินทัช เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 จากสิ้นปี 2565 จากผลการดำเนินงานสำหรับปี 2566 สุทธิกับการจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานสำหรับงวดหกเดือนของปี 2566
ขณะที่สภาพคล่อง และกระแสเงินสดของกลุ่มอินทัช ณ สิ้นปี 2566 กลุ่มอินทัชมีอัตราส่วนสภาพคล่อง 63.9 เท่า เพิ่มขึ้นจาก 0.9 เท่า ณ สิ้นปี 2565 ส่วนใหญ่เป็นผลจากการลดลงของหนี้สินหมุนเวียนจากการปรับปรุงประมาณการหนี้สินของไอทีวีตามที่กล่าวไว้ข้างต้น หากไม่รวมการปรับปรุงประมาณการหนี้สินดังกล่าว กลุ่มอินทัชมีอัตราส่วนสภาพคล่อง ณ สิ้นปี 2566 ใกล้เคียงกับ ณ สิ้นปี 2565 โดยกลุ่มอินทัชมีการบริหารความเสี่ยงจากการขาดสภาพคล่อง โดยการรักษาระดับของเงินสด และรายการเทียบเท่าเงินสดให้เพียงพอต่อการดำเนินงานของกลุ่มอินทัช รวมทั้งจัดหาวงเงินสินเชื่อระยะสั้นจากธนาคารต่างๆ เพื่อสำรองในกรณีที่มีความจำเป็น
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์