GULF ประกาศร่วมลงทุน BWG-ETC โรงไฟฟ้าขยะและเชื้อเพลิง 1.7 หมื่นล้าน
3 ประสาน GULF-ETC-BWG ประกาศจับมือร่วมลงทุนกว่า 1.7 หมื่นล้านบาท ใน 12 โครงการ พร้อมสัญญา COD ปี 2569 กว่า 96 เมกะวัตต์ แบ่งเป็น โรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม และโรงงานผลิตเชื้อเพลิงแข็งจากขยะอุตสาหกรรม มีผล 8 มี.ค. 25667
นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF การลงนามสัญญาผู้ถือหุ้นเพื่อเข้าลงทุโครงการในโครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมจำนวน 10 โครงการ และโครงการโรงงานผลิต เชื้อเพลิงแข็งจากขยะอุตสาหกรรมจำนวน 3 โครงการ ด้วยการร่วมลงทุนเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2567 ให้บริษัท กัลฟ์ เวสท์ ทูเอ็นเนอร์จี โฮลดิ้งส์ จำกัด (GWTE)ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทถือหุ้น 100 % ได้ลงนามในสัญญาผู้ถือหุ้นกับบริษัท เอิร์ธ เท็ค เอนไวรอนเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ETC และ บริษัท เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน จำกัด (มหาชน) หรือBWG รวม 17,600 ล้านบาท
1. สัญญาผู้ถือหุ้นระหว่าง GWTE กับ ETC ซึ่ง GWTE ได้ร่วมลงนามสัญญาผู้ถือหุ้นกับ ETC เพื่อเข้าซื้อหุ้นในสัดส่วน 50.00 % ของบริษัท เก็ท กรีน พาวเวอร์ จำกัด (GGP)ซึ่งเป็นผู้พัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมจำนวน 10 โครงการ ซึ่งได้ลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เป็นระยะเวลา 20 ปี ไปเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2566 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้โครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมดังกล่าวเป็นโรงไฟฟ้าขนาดเล็กมาก (VSPP) มีกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญาจำนวน 8 เมกะวัตต์ต่อโครงการ รวมกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญาทั้งสิ้นจำนวน 80 เมกะวัตต์และมีมูลค่าโครงการรวมทั้งสิ้นประมาณ 15,000 ล้านบาท โดยมีกำหนดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 2569
GWTE- ETC และ บริษัท เวสท์เทค เอ็กซ์โพเนนเชียล จำกัด (WTX)ซึ่งเป็นบริษัทย่อยภายใต้กลุ่มบริษัท มิลล์คอน สตีล จำกัด (มหาชน) (MILL) ได้ลงนามสัญญาผู้ถือหุ้นเพื่อให้ ETC เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นในโครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมจำนวน 2 โครงการ ภายใต้บริษัท ซันเทค อินโนเวชั่น พาวเวอร์ จำกัด (SIP) ด้วย การซื้อหุ้นเพิ่มทุน ซึ่งปัจจุบัน GWTE และ WTX ถือหุ้นอยู่ 51.00 %และ 49.00% ตามลำดับ โดยภายหลังจากการเพิ่มทุนดังกล่าวแล้วจะทำให้สัดส่วนการถือหุ้นใน SIP ของ GWTE WTX และ ETC อยู่ที่ 34.0033.00 % และ 33.00% ตามลำดับ ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมทั้ง 2 โครงการภายใต้ SIP มีขนาดกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญารวม 16 เมกะวัตต์ซึ่งได้เข้าลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟภ. เป็นระยะเวลา 20 ปีเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา
2. สัญญาผู้ถือหุ้นระหว่าง GWTE กับ BWG ซึ่ง GWTE และ BWG ได้ลงนามสัญญาผู้ถือหุ้นเพื่อเข้าซื้อหุ้นในสัดส่วน50.00% ของบริษัท เซอร์คูลาร์ แคมป์ จำกัด (CC)ซึ่งเป็นผู้พัฒนาโครงการโรงงานผลิตเชื้อเพลิงแข็งจากขยะอุตสาหกรรม จำนวน 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวมทั้งสิ้นประมาณ 2,600 ล้านบาท และมีกำหนดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 2568
โดย CC จะเป็นผู้จัดหาเชื้อเพลิงขยะอุตสาหกรรม เพื่อส่งให้โรงไฟฟ้าในกลุ่ม GWTE ใช้ในการผลิต ไฟฟ้าต่อไป ทั้งนี้ ภายหลังจากการดำเนินธุรกรรมดังกล่าวข้างต้น กลุ่มบริษัทฯ จะมีโครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมในประเทศไทยที่ ลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟภ. ภายใต้รูปแบบ Feed-in-Tariff (FiT) เป็นจำนวนทั้งสิ้น 12 โครงการ ขนาดกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญารวม 96 เมกะวัตต์ ซึ่งมีกำหนดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 2569 และมีโครงการโรงงานผลิตเชื้อเพลิงแข็งจากขยะอุตสาหกรรม (SRF) จำนวน 3 โครงการ ซึ่งมีกำหนดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 2568 ทั้งนี้ หากมีความคืบหน้าเพิ่มเติมในการ พัฒนาโครงการ บริษัทฯ จะแจ้งรายละเอียดให้ทราบต่อไป
การบริหารจัดการขยะอุตสาหกรรมโดยการนำขยะที่ไม่เป็นของเสียอันตรายและมีค่าความร้อนมาผลิตเป็นเชื้อเพลิง แข็ง (Solid Recovered Fuel: SRF) เพื่อนำไปใช้ในการผลิตไฟฟ้า (waste-to-energy) เป็นการสร้างมูลค่าของเสียจากโรงงาน อีกทั้ง ยังช่วยลดปัญหาการลักลอบทิ้งขยะ ลดพื้นที่ฝังกลบ ลดการเผาทำลาย ซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน และยังเป็นการลดก๊าซเรือนกระจกที่เกิดขึ้นจากการฝังกลบ และลดปริมาณของเสียจากกระบวนการผลิต ซึ่งทำ ให้เกิดการหมุนเวียน ทรัพยากรตามนโยบายของภาครัฐ ด้านการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio Circular Green Economy: BCG)
สำหรับ BWG มีประสบการณ์มามากกว่า 20 ปี ในด้านการจัดการคัดแยกและ ฝังกลบขยะอุตสาหกรรม รวมถึงการแปรรูปขยะอุตสาหกรรมที่ไม่เป็นของเสียอันตรายเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงส าหรับการผลิตไฟฟ้า (SRF) และ ETCซึ่งเป็นผู้มีความชำนาญในการผลิตไฟฟ้าจากขยะอุตสาหกรรมและขยะ ชุมชนที่มีมาตรฐานสูง ทั้งนี้ทั้งสามฝ่ายจะร่วมกันพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม และโครงการโรงงานผลิตเชื้อเพลิงแข็งจาก ขยะอุตสาหกรรมแบบครบวงจรซึ่งเป็นการต่อยอดทั้งในด้านพลังงาน อุตสาหกรรม สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจอย่างครบถ้วน