GULF พร้อมลุยแบงก์ไร้สาขา ผนึก KTB-OR-AIS ยื่นขอไลเซนส์ทันกลางปี
GULF ผนึก 3 พันธมิตรหลัก KTB-OR-AIS แต่งตัว “เวอร์ชวลแบงก์” จ่อยื่นขอไลเซนส์กลางปีแรก หลังเตรียมตัวมาระยะหนึ่ง หวังเปิดทางบริษัท บิ๊กดาต้า เข้าสู่ธุรกิจการเงิน ช่วยคนไร้ความสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน มั่นใจปีนี้ยึดแชร์กระดาน “เทรดคริปโท” 30% และภายใน 2 ปี ขึ้นเบอร์หนึ่ง
หลังจากกระทรวงการคลังออกประกาศเรื่อง “หลักเกณฑ์ฯการขอและการออกใบอนุญาตธนาคารไร้สาขา” (Virtual Bank) ซึ่งเป็นธนาคารไร้สาขาที่ผสานความเชี่ยวชาญ 3 ด้าน ได้แก่ ธนาคาร-เทคโนโลยีดิจิทัล-ข้อมูลวิเคราะห์พฤติกรรม เข้าด้วยกัน เพื่อส่งเสริมการเข้าถึงบริการทางการเงิน เร่งเข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัลและก้าวสู่ฮับการเงินอาเซียน
ขณะที่ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้เปิดหลักเกณฑ์ พร้อมคุณลักษณะ 7 ข้อ สำหรับผู้ยื่นขอไลเซนส์ โดยเปิดรับสมัครตั้งแต่ 20 มี.ค.-19 ก.ย. นี้ เพื่อให้เกิดผลิตภัณฑ์ใหม่ ประชาชนเข้าถึงสินเชื่อในต้นทุนที่ลดลง
โดย 1 ใน 3 กลุ่มทุนใหญ่ที่ถูกจับตามอง ดีล"ธนาคารกรุงไทย (KTB) ร่วมกับ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS , บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF และ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR อยู่ระหว่างการศึกษา ร่วมลงทุนจัดตั้ง
นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF กล่าวกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า ความคืบหน้าการขยายเข้าสู่ธุรกิจ Virtual Bank ของเราร่วมกับพันธมิตรทั้ง 3 ราย อยู่ระหว่างการเตรียมตัว และคาดว่าน่าจะยื่นขอไลเซนส์ได้ไม่เกินครึ่งแรก เพราะว่าเราได้เตรียมตัวกันมาระยะหนึ่งแล้ว และการเริ่มดำเนินธุรกิจขึ้นอยู่กับธนาคารกรุงไทยที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในธุรกิจนี้
ทั้งนี้ ธุรกิจ Virtual Bank โดยมีกรุงไทยเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่มองว่า จะช่วยเปิดทางบริษัทที่มี Big Data เข้าสู่ธุรกิจการเงิน เจาะกลุ่มอาชีพอิสระที่ไม่รู้รายได้ชัดเจน หวังเข้าไปตอบโจทย์ความต้องการของคนไทยที่ยังเข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุนให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ และการนำเทคโนโลยีมาช่วยดำเนินการและสร้างบริการทางการเงินรูปแบบใหม่ ๆ ด้วยต้นทุนที่ต่ำลง ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการให้บริการ เพื่อให้เข้าถึงลูกค้าที่อยู่นอกระบบธนาคารพาณิชย์แนวทางดังกล่าวส่งผลให้ Virtual Bank เติบโตได้
ด้าน แพลตฟอร์ม บริษัท กัลฟ์ไบแนนซ์ จำกัด (GulfBinance) หลังเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อม.ค.ที่ผ่านมา ปัจจุบันมียอดผู้ใช้อยู่ที่ประมาณ 50,000 บัญชี เป็นตัวเลขที่เติบโตขึ้นต่อเนื่อง และมีปริมาณการซื้อขายบนแฟลตฟอร์มเพิ่มขึ้นทุกวันมีแนวโน้มที่ดีตามเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้ที่มีผู้ใช้งานลงทะเบียนเข้ามา 900,000 คนปีนี้ ตามเป้าหมายขึ้นเป็นเบอร์ 1 ภายใน 2 ปี จากปีนี้ตั้งเป้าหมายคลองส่วนแบ่งตลาด และวอลุ่มเทรดสัดส่วน 30% มองตลาดในไทยยังมีช่องว่างให้แข่งขันและเติบโตอีกมาก
ด้วยจุดแข็งของแพลตฟอร์มกัลฟ์ไบแนนซ์ ได้เข้ามาสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับภูมิทัศน์ของสินทรัพย์ดิจิทัล ด้วยหลากหลายฟีเจอร์ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อยกระดับประสบการณ์การใช้งานของคนไทยโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็น ความหลากหลายของสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีให้เลือกมากกว่า 115 คู่เหรียญ ซึ่งถือเป็นจำนวนการให้บริการคู่เหรียญที่มากที่สุดในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทย รวมถึงโครงสร้างค่าธรรมเนียมเพียง 0.1% สำหรับการซื้อขายระหว่างคู่ USDT และ 0.25% สำหรับการซื้อขายระหว่างคู่เงินบาท (THB) กับสินทรัพย์ดิจิทัล
จากข้อมูลการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่กว่า 60% มาจากคู่เหรียญ USDT ทำให้ Binance TH by Gulf Binance เห็นว่าผู้ใช้งานคนไทยมีความต้องการในการซื้อขายคู่เหรียญเหล่านี้ และเพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ผู้ใช้งาน แพลตฟอร์มได้ติดตั้งบอต AI เพื่อบริการลูกค้าแบบครอบคลุมทุกวันทุกเวลาตลอด 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์ ซึ่งนับตั้งแต่เปิดให้บริการระบบดังกล่าวสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าได้อย่างดี