เช็ก 10 หุ้นโรงไฟฟ้าใหญ่ รับอานิสงส์ขึ้นค่า Ft ยังเหลืออัพไซด์ สูงสุดเกือบ 50%
หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ ยังเหลืออัพไซด์ค่อนข้างมาก หุ้น EA เหลืออัพไซด์มากสุดเกือบ 50% ขณะที่ราคาตั้งแต่ต้นปีมีการเปลี่ยนแปลงทั้งเป็นบวกและลบ
KEY
POINTS
- กกพ. มีมติเห็นชอบค่า Ft สำหรับเรียกเก็บงวดเดือน ม.ค.-เม.ย.67 ดันหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้ารับประโยชน์ และยังเหลืออัพไซด์อื้อ
- บล.กรุงศรี พัฒนสิน ระบุ กลุ่มโรงไฟฟ้าที่ขายให้แก่ลูกค้า IU ได้รับประโยชน์ได้มากที่สุด เช่นหุ้น GPSC BGRIM และ GULF ประกอบกับสถานการณ์บอนด์ยีลด์ทั้งไทยและต่างประเทศเริ่มลดลงอย่างต่อเนื่อง
- บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) เผย หุ้น Stock Pick คือ GULF ธุรกิจเติบโตทั้งธุรกิจพลังงานหมุนเวียนที่ได้ประโยชน์จากแผนพลังงาน PDP ฉบับใหม่
คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ได้ออกเอกสารการรับฟังความคิดเห็นเพื่อกำหนดค่าไฟฟ้า Ft และการปรับค่าไฟฟ้ารอบใหม่ งวด พ.ค.- ส.ค. 2567 ประกอบด้วย 3 แนวทาง โดยจะส่งผลให้ค่าไฟฟ้า ต่ำสุดที่ระดับ 4.18 บาท ซึ่งเป็นระดับเดิม และสูงสุดอยู่ที่ระดับ 5.44 บาท ซึ่งตรงนี้นักวิเคราะห์หลักทรัพย์หลายราย มองว่าส่งผลดีต่อหุ้นโรงไฟฟ้าใหญ่
กรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) หรือ KCS ให้ข้อมูลกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า กลุ่มโรงไฟฟ้าที่ขายให้แก่ลูกค้า IU น่าจะรับประโยชน์ได้มากที่สุด เช่นหุ้น GPSC BGRIM และ GULF ประกอบกับสถานการณ์บอนด์ยีลด์ทั้งไทยและต่างประเทศเริ่มลดลงอย่างต่อเนื่อง ถือว่าเป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่มโรงไฟฟ้าโดยตรง ส่งให้เกิดการเติบโตและภาระหนี้ที่จะปรับตัวลดลงมาจากนโยบายการเงินที่น่าจะมีการผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้กลุ่มดังกล่าวมีโอกาสที่จะเติบโตขึ้นได้ในระยะกลาง - ระยะยาว โดยแนะนำให้ซืิ้อ GULF และ GPSC
ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องระมัดระวังคือ เรื่องของดอกเบี้ยนโยบายการเงินของสหรัฐ หากไม่มีการปรับดอกเบี้ยนโยบายเร็วที่ตลาดคาดหวังที่ยังคงต้องระมัดระวัง
ณัฐ ตรีพูนสุข ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันราคาแก๊สเริ่มปรับตัวลงมา ขณะที่บอนด์ยีลด์ปรับตัวลงมาเช่นเดียวกัน ดังนั้นโดยรวมจึงมีความน่าสนใจที่จะเข้าไปสะสมหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าได้
ทั้งหุ้นที่เป็น Stock Pick เป็นหุ้น GULF เนื่องจากพอค่าเงินบาทแข็งค่าในระดับหนึ่งเม็ดเงินต่างชาติจะไหลเข้ามา ซึ่ง GULF เป็นหุ้นขนาดใหญ่ที่ต่างชาติจะเข้ามาลงทุน บวกกับธุรกิจของ GULF อยู่ในช่วงที่เติบโตทั้งธุรกิจพลังงานหมุนเวียนที่ได้ประโยชน์จากแผนพลังงาน PDP ฉบับใหม่
รวมถึงธุรกิจ Digital Asset ที่มีแนวโน้มสดใส หลังจากที่ Bitcoin ETF ได้รับการอนุมัติ และทำให้ราคา บิตคอยน์ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาค่อนข้างแรง ขณะเดียวกัน ธุรกิจมือถือ ของ ADVANC มีโอกาสที่จะต่อยอดเข้าสู่ธุรกิจ Virtual Bank ด้วยเหตุผลเหล่านี้ จึงมองว่า หุ้น GULF นั้นมีความน่าสนใจ
อย่างไรก็ตาม ในเดือนนี้ และเดือนหน้านักลงทุนยังสามารถเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยได้ แต่ทว่าครึ่งหลังของเดือนเมษายน นักลงทุนอาจจะต้องระมัดระวัง โดยปกติแล้วจะเกิดปรากฎการณ์ Sell in May ขึ้นในเดือนพฤกษาคม ที่ต่างชาติมักจะนำเงินปันผลที่ได้จากตลาดหุ้นไทย ย้ายออกกลับสู่ประเทศของนักลงทุนต่างชาติ และจะส่งผลให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง ซึ่งจะทำให้ต่างชาติแห่ขายล็อกกำไรกัน
สำหรับหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ “กรุงเทพธุรกิจ” ได้ทำการสำรวจพบว่า ยังเหลืออัพไซด์ค่อนข้างมาก โดยเฉพาะหุ้น EA เหลืออัพไซด์มากสุดเกือบ 50% ขณะที่ราคาตั้งแต่ต้นปีมีการเปลี่ยนแปลงทั้งเป็นบวกและลบ
1.บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA
- มาร์เก็ตแคป 132,415.00 ล้านบาท
- ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้นปี -19.77%
- ราคาปิด 12 มี.ค.2567 ที่ 35.00 บาท
- ราคาเป้าหมาย 52.36 บาท
- เหลืออัพไซด์ 49.60%
- P/E 17.33 เท่า
2.บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL
- มาร์เก็ตแคป 24,871.09 ล้านบาท
- ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้นปี -%
- ราคาปิด 12 มี.ค.2567 ที่ 2.78 บาท
- ราคาเป้าหมาย 4.06 บาท
- เหลืออัพไซด์ 46.04%
- P/E 16.49 เท่า
3.บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF
- มาร์เก็ตแคป 527,991.75 ล้านบาท
- ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้นปี +1.12%
- ราคาปิด 12 มี.ค.2567 ที่ 45.25 บาท
- ราคาเป้าหมาย 56.79 บาท
- เหลืออัพไซด์ 25.50%
- P/E 35.54 เท่า
4.บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH
- มาร์เก็ตแคป 63,618.75 ล้านบาท
- ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้นปี -7.14%
- ราคาปิด 12 มี.ค.2567 ที่ 29.00 บาท
- ราคาเป้าหมาย 35.75 บาท
- เหลืออัพไซด์ 23.27%
- P/E 12.31 เท่า
5.บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP
- มาร์เก็ตแคป 42,973.02 ล้านบาท
- ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้นปี -2.76%
- ราคาปิด 12 มี.ค.2567 ที่ 14.00 บาท
- ราคาเป้าหมาย 17.15 บาท
- เหลืออัพไซด์ 22.5%
- P/E 8.08 เท่า
6.บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKP
- มาร์เก็ตแคป 31,867.18 ล้านบาท
- ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้นปี +20.25%
- ราคาปิด 12 มี.ค.2567 ที่ 3.86 บาท
- ราคาเป้าหมาย 4.56 บาท
- เหลืออัพไซด์ 18.13%
- P/E 21.80 เท่า
7.บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO
- มาร์เก็ตแคป 63,175.80 ล้านบาท
- ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้นปี -6.25%
- ราคาปิด 12 มี.ค.2567 ที่ 120.00 บาท
- ราคาเป้าหมาย 140.64 บาท
- เหลืออัพไซด์ 17.2%
- P/E - เท่า
8.บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM
- มาร์เก็ตแคป 76,251.83 ล้านบาท
- ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้นปี +7.34%
- ราคาปิด 12 มี.ค.2567 ที่ 28.75 บาท
- ราคาเป้าหมาย 33.02 บาท
- เหลืออัพไซด์ 14.85%
- P/E 40.46 เท่า
9.บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPP
- มาร์เก็ตแคป 28,560.00 ล้านบาท
- ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้นปี -%
- ราคาปิด 12 มี.ค.2567 ที่ 3.40 บาท
- ราคาเป้าหมาย 3.85 บาท
- เหลืออัพไซด์ 13.23%
- P/E 7.82 เท่า
10.บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC
- มาร์เก็ตแคป 157,904.84 ล้านบาท
- ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้นปี +15.46%
- ราคาปิด 12 มี.ค.2567 ที่ 55.75 บาท
- ราคาเป้าหมาย 59.65 บาท
- เหลืออัพไซด์ 6.99%
- P/E 42.74 เท่า