เปิด 3 ธีมลงทุน AI เทคโนโลยีมีโอกาสโตต่อ แม้กระแส AI เข้าใกล้ ‘ฟองสบู่‘
ความคลั่งไคล้ AI ยังคงได้รับความนิยม ซึ่งนักลงทุกควรจับตาดูปัจจัยใหม่ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อ เทคโนโลยี “มอร์แกน สแตนลีย์” สรุป 3 ธีมสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนใน AI ขณะที่นักวิเคราะห์เตือนความเสี่ยง“ฟองสบู่หุ้นเทค” คล้ายฟองสบู่ดอทคอมปี 2000
KEY
POINTS
- ความคลั่งไคล้ AI ยังคงได้รับความนิยม ซึ่งนักลงทุนควรจับตาดูปัจจัยใหม่ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อเทคโนโลยี
- มอร์แกน สแตนลีย์ สรุป 3 ธีมสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนใน AI
- นักวิเคราะห์เตือนความเสี่ยงฟองสบู่หุ้นเทค คล้ายฟองสบู่ดอทคอมปี 2000
กระแสปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI จะยังคงร้อนแรงทั่วทั้งอุตสาหกรรม โดย มอร์แกน สแตนลีย์ เผย 3 ธีมการลงทุนที่นักลงทุนควรจับตามองให้ทันเทรนด์อนาคต
มอร์แกน สแตนลีย์ คาดว่ากระแสความนิยมใน AI จะเพิ่มมากขึ้นจนถึงปี 2568 ถือเป็นโอกาสการลงทุนครั้งใหม่มาสู่นักลงทุน
เช่นเดียวกับบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่อย่าง Nvidia และ Microsoft ซึ่งเป็น ”ผู้เปิดประตูสู่นักลงทุน“ และทำให้ความคลั่งไคล้ AI ทะยานขึ้นในช่วงสี่เดือนที่ผ่านมา
ไมค์ วิลสัน หัวหน้านักยุทธศาสตร์ด้านทุนของมอร์แกน สแตนลีย์กล่าวว่า ”นี่อาจเป็นตัวขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการผลิตครั้งใหญ่ต่อไป“ แม้ว่าความก้าวหน้าจาก AI จะไม่กระทบต่อเศรษฐกิจในทันทีก็ตาม
นักวิเคราะห์เผย 3 เทรนด์สำคัญ สำหรับโอกาสในอนาคตที่จะครอบคลุมไปทั้งเศรษฐกิจ สำหรับธุรกิจที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวข้องกับเทรนด์เหล่านี้ในด้าน AI
1. สมาร์ทโฟน (Smartphone)
การใช้งานอุปกรณ์ส่วนบุคคล โดยเฉพาะสมาร์ทโฟน จะเป็นตัวกระตุ้นขนาดใหญ่สําหรับ AI
เนื่องจากเทคโนโลยีกลายเป็นเรื่องที่ถูกให้ความสนใจมากขึ้น บริษัทต่างๆ คาดหวังว่าคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลและฟังก์ชันการทำงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องจะถูกจะขับเคลื่อนด้วย AI ในทศวรรษหน้า
นักวิเคราะห์มองว่าห่วงโซ่อุปทานของสมาร์ทโฟนเป็นวิธีการลงทุนที่เป็นหนึ่งปัจจัยเร่งเทรนด์ในอนาคต
2. ศูนย์ข้อมูล( Data Center)
หลังจาก OpenAI กล่าวว่ากําลังมองหาการใช้งานและการพัฒนาเทคโนโลยี AI
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน ของ AI เชิงกําเนิด ที่มีความเข้มข้นมากขึ้นในอนาคต
และคาดการณ์ว่า AI สามารถเพิ่มส่วนแบ่งการใช้พลังงานทั้งหมดในยุโรปเป็นสี่เท่าภายในปี 2573
3. ผู้ใช้งาน AI
ในขณะที่หุ้นของบริษัทที่ สนับสนุนเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) พุ่งสูงขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา นักลงทุนควรให้ความสนใจกับ ผู้ใช้งาน (adopters) เทคโนโลยี AI ด้วยเช่นกัน ซึ่งเป็นบริษัทที่มุ่งเน้นการใช้เทคโนโลยีนี้เพื่อปลดล็อกประสิทธิภาพการทำงาน
ธนาคารคาดการณ์ว่า การมี AI ช่วยเหลือในด้านต่างๆ เช่น บริการลูกค้าและการวิจัยและพัฒนา จะช่วยให้กำไรขององค์กรขยายตัวไปจนถึงปลายปีนี้และตลอดปี 2568
Morgan stanley มีมุมมองเชิงบวก สำหรับผู้ริเริ่มใช้งาน AI (early adopters) รายแรกๆ และยังรวมถึงหุ้นทีมีโอกาสในการยกระดับประสิทธิภาพการทำงานมากที่สุด
อย่างไรก็ตาม ยังมีนักวิเคราะห์บางคนมองว่า กระแสความตื่นตัวเกี่ยวกับ AI ในตลาดหุ้นนั้น เริ่มมีลักษณะคล้ายกับฟองสบู่ดอทคอม (dot-com bubble) ในช่วงต้นปี 2000 ซึ่งในที่สุดก็แตกออก ส่งผลให้ดัชนี Nasdaq Composite ร่วงลง 78% จากจุดสูงสุด
แต่กระนั้น นักลงทุนส่วนใหญ่ไม่สนใจคำเตือนเกี่ยวกับฟองสบู่ ส่งผลให้หุ้น AI ยังคงครองตลาดต่อไป
สัปดาห์นี้ นักกลยุทธ์ของ JPMorgan กล่าวว่า "กลุ่ม Magnificent Seven" ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับผลตอบแทนอันมหาศาลในปีที่ผ่านมา จากกระแสความคลั่งไคล้ AI จริงๆ แล้วดูเหมือนว่ามีมูลค่าต่ำเกินไป เมื่อเทียบกับหุ้นอื่นๆ ในดัชนี S&P 500 ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
มากกว่า 50% ของนักลงทุนตอบว่า พวกเขารู้สึก เป็นขาขึ้น (bullish) ต่อหุ้นในอีก 6 เดือนข้างหน้า ตามผลสำรวจความเชื่อมั่นของนักลงทุน (Investor Sentiment Survey) ล่าสุดของ AAII
อ้างอิง business insider