ส่องอนาคตหุ้น Nvidia กับ 8 โปรเจกต์ AI ผู้ผลิตชิปล้ำสมัยถูกใช้ในหลายวงการ
ส่องอนาคต Nvidia หุ้นที่ให้ผลตอบแทนกว่า 2000% เพราะ AI สู่ผู้ผลิต"ชิป" ล้ำสมัยกับ 8 โปรเจกต์ AI ที่กำลังเข้ามาปฏิวัติทุกวงการ ทั้ง วงการแพทย์ เมตาเวิร์ส คลังสินค้า และการผลิตหุ่นยนต์ สะท้อนถึงความต้องการชิป AI ในอนาคต
อินวิเดีย (Nvidia) กลายเป็นดาวเด่นในตลาดหุ้น ด้วยราคาหุ้น NVDA พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีผลตอบแทนสูงมากในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา จากระดับ 37 ดอลลาร์ ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นกว่า 2,381% ทะลุ 900 ดอลลาร์ ซึ่งคิดเป็นการเติบโตประมาณ 83% ของดัชนี S&P 500 จากการได้รับอานิสงส์จากเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์อย่างมากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
จนหลายคนสงสัยว่าแนวโน้มการเติบโตอย่างก้าวกระโดดนี้จะยั่งยืนหรือไม่ โดยปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือ การเติบโตของรายไดุ้ือเป็นตัวชี้วัดประสิทธิภาพที่สำคัญ อนาคตของอินวิเดียที่เปลี่ยนตัวเองมาโฟกัสการเป็นผู้ผลิตชิปประมวลผลสำหรับ AI ในปีที่แล้วจะเป็นอย่างไร?
8 โปรเจกต์ของ Nvidia
Nvidia ได้จัดงาน GTC 2024 ซึ่งถือเป็นการประชุมใหญ่ที่มาอัปเดตข่าวสาร AI และเทคโนโลยีในอนาคต ซึ่งมี 8 โปรเจกต์ที่ยอกย้ำความสำคัญของเทคโนโลยี AI ที่อินวิเดียเข้าไปอยู่เบื้องหลังในหลายวงการ
1.Blackwell ชิป AI ที่ทรงพลังที่สุดในโลก
ยอดขายอินวิเดีย เพิ่มขึ้นสามเท่าในทุกไตรมาส นับตั้งแต่กระแส AI บูมเริ่มขึ้นในปลายปี 2565 โดยมีชิป AI H100 ของอินวิเดียเป็นที่นิยมในหมู่บริษัทและนักพัฒนา AI ชั้นนำ ตัวอย่างเช่น Meta กำลังซื้อ GPU Nvidia H100 หลายแสนตัวในปีนี้ เพื่อฝึกอบรมโมเดล AI ซึ่งอินวิเดียไม่ได้เปิดเผยราคาปลีกของชิป H100 แต่มีการคาดเดาว่าราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 10,000 ดอลลาร์ หรือราวตัวละ 3.5 แสนบาท
ล่าสุดอินวิเดียได้ประกาศชุดผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับตำแหน่งในตลาดปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ประมวลผลเร็วกว่าและประหยัดพลังงานมากกว่า ซึ่งตอบโจทย์สำหรับองค์กร นักพัฒนาที่ต้องการลดต้นทุน และบุคคลทั่วไป คาดว่า ชิป Blackwell จะมีราคาระหว่าง 30,000 - 40,000 ดอลลาร์ หรือราว 1 -1.4 ล้านบาท ซึ่งถ้าหากว่า AI เพิ่งเริ่มต้น นักวิเคราะห์หลายคนมองว่าความต้องการชิปเพื่อพัฒนา AI ยังคงเพิ่มสูงขึ้น
2. GR00T โปรเจกต์สร้างหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์
NVIDIA ประกาศเปิดตัวโมเดล GR00T สำหรับสร้าง “หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์” หรือ “หุ่นยนต์คล้ายมนุษย์” ที่ขับเคลื่อนด้วยเอไอ ถือเป็นการตอกย้ำว่าอินวิเดียกำลังก้าวเข้าสู่วงการ"หุ่นยนต์" และเป็นผู้เล่นสำคัญ เนื่องGR00T ได้รับการฝึกฝนบนแพลตฟอร์ม NVIDIA Isaac Sim และซูเปอร์คอมพิวเตอร์ DGX A100 โดยใช้เทคนิคการเรียนรู้แบบเสริมแรง (reinforcement learning)
3.Nvidia Omniverse ขั้นกว่าของเมตาเวิร์ส
“Nvidia Omniverse” แพลตฟอร์มเรือธงของอินวิเดียขั้นกว่าของเมตาเวิร์ส ซึ่งถูกพัฒนามาจากชุดข้อมูลเสมือนดิจิทัลซิมูเลชัน ทำให้แสดงผลเป็นภาพสมจริงได้แบบเรียลไทม์ ถือเป็นแพลตฟอร์มที่จะปฏิวัติวิธีที่เราสร้าง ทำงาน โดยแพลตฟอร์มนี้เป็นผลมาจากความร่วมมือระหว่างอินวิเดียซึ่งเป็นบริษัทด้านการประมวลผลภาพชั้นนำของโลก และกลุ่มผู้ให้บริการซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ชั้นนำของอุตสาหกรรม หนึ่งในนั้นคือ Siemens
Omniverse Cloud API ใหม่ล่าสุดที่ประกาศเปิดตัวในปีนี้ ถูกใช้พลิกโฉมอุตสาหกรรมด้วย Omniverse Digital Twins เช่น WPP บริษัทผู้ให้บริการด้านการตลาดและการสื่อสารที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้ประกาศเฟสต่อไปของกลไกสร้างเนื้อหา generative AI บน Omniverse Cloud API โดยนำโซลูชันที่ขับเคลื่อนด้วย AI มาสู่ภาคส่วนสินค้าบรรจุภัณฑ์เพื่อการค้าปลีกและผู้บริโภค
4.ธรรมชาติที่ว่าแน่ อีกหน่อยจะแพ้ AI?
NVIDIA เปิดตัว Earth-2 ที่เป็น API บนแพลตฟอร์ม NVIDIA DGX Cloud สำหรับงานประมวลเกี่ยวกับสภาพอากาศโดยเฉพาะ มีจุดเด่นคือความเร็วในการพยากรณ์และคาดการณ์ข้อมูลอากาศ ที่ทำได้ในระดับวินาที จากปัจจุบันที่โมเดลสามารถให้ข้อมูลระดับนาทีหรือชั่วโมง และเจาะข้อมูลได้ระดับรัศมี 2 กิโลเมตร ซึ่ง Earth-2 ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้ผู้คนเตรียมพร้อมมากขึ้น หากเกิดเหตุการณ์สภาพอากาศแปรปรวน
5. หุ้นยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI
ในการประชุม GTC ทางอินวิเดียได้จัดแสดงหุ่นยนต์หลายตัวที่ขับเคลื่อนโดยเทคโนโลยี AI รวมถึงหุ่นยนต์ที่มีความคล้ายคลึงกับ WALL-E ของ Disney ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ของ Nvidia อย่างไรก็ดีหุ่นยนต์ตัวนี้ ยังไม่มีการเปิดเผยชื่อและฟังก์ชันสะท้อนว่า Nvidia ให้ความสำคัญกับฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ของ AI ที่ช่วยให้นักพัฒนาและนักวิจัยสามารถสร้างหุ่นยนต์รุ่นต่อไปสำหรับงานที่หลากหลาย
6. AI เปลี่ยนวิธีการทำงานในคลังสินค้า
อินวิเดียนำเสนอ Digital Twins ที่ขับเคลื่อนด้วย AI เปลี่ยนโฉมการปฏิบัติงานในคลังสินค้าด้วยสภาพแวดล้อม 3 มิติจำลองด้วย AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานในคลังสินค้า ด้วยการจำลองสถานการณ์ต่างๆ เพื่อค้นหาวิธีที่ดีที่สุดในการจัดเรียงสินค้า วางแผนเส้นทางการเดินของพนักงาน ควบคุมการขนย้ายของสินค้า
7. NIMs ทำให้ AI ในเวลาเพียงไม่กี่นาที
NIMs (Inference Microservices) เทคโนโลยีที่เข้ามาปฎิวัติวงการ AI ทำให้ AI เรียนรู้ได้เร็วขึ้น จากระยะเวลาเป็นอาทิตย์เหลืองเพียงไม่กี่นาที ด้วยการทำงานของ NIMs ที่จะแบ่งโมเดล AI ขนาดใหญ่ ออกเป็น microservices ขนาดเล็ก ซึ่งช่วยให้จัดการโมเดล AI ได้ง่ายขึ้น
8.AI ช่วยคิดค้นยา
อินวิเดียร่วมมือกับ BioNeMo NIMs เปลี่ยนโฉมวงการแพทย์ด้วยการต่อยอดจาก NIMs เป็นการพัฒนาแพลตฟอร์ม AI สำหรับการวิจัยยา ด้วยการจำลงระบบชีวภาพ โครงสร้างโมเลกุล เพื่อคิดค้นพัฒนายาที่มีประสิทธิภาพตัวใหม่ได้เร็วขึ้น
ยอดขายชิป AI กำหนดอนาคต Nvidia
ในปี 2566 อินวิเดียมีรายได้ 6 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 126% มีกำไร 2.9 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 581% จากปีก่อน โดยมีสัดส่วนหลักมาจากการขายชิป AI สําหรับเซิร์ฟเวอร์ที่ชื่อว่า H100
เจนเซ่น หวง (Jensen Huang) ซีอีโอของ Nvidia กล่าวถึงความกลัวของนักลงทุนว่าบริษัทอาจไม่สามารถรักษาการเติบโตหรือระดับยอดขายไว้ได้ตลอดทั้งปี และบอกว่า บริษัทมีพื้นฐานสำคัญสำหรับการเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งในปี 2568 และในอนาคต
“อย่างไรก็ตาม เขาความต้องการ GPU ของบริษัทจะยังคงสูงเนื่องจาก อานิสงส์ของเทรนด์ AI และการเปลี่ยนแปลงทั่วทั้งอุตสาหกรรมจาก“โปรเซสเซอร์” หรือหน่วยประมวลผลกลาง ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ Nvidia ในฐานะผู้ผลิตมีผลงานเติบโตและแข็งแกร่ง“
อ้างอิง X bangkokbiz CNBC