หุ้นกลุ่ม Healthcare ทวงคืนตำแหน่ง Top Performer บนเวทีหุ้นโลก
หุ้นกลุ่ม Healthcare จะเป็นกลุ่มที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดในระยะ 1 ปีข้างหน้า โดยคาดว่าหุ้นกลุ่ม Healthcare ของสหรัฐฯ จะให้ผลตอบแทนถึง 10.2% จากราคาปัจจุบัน
ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา หุ้นกลุ่ม Healthcare กลับมาสร้างผลตอบแทนได้อย่างโดดเด่น จากแนวโน้มการเติบโตที่คาดว่าจะสูงกว่าตลาดโดยรวมในปีนี้ ในขณะที่ยังซื้อขายในระดับราคาที่ไม่แพงโดยเฉพาะเมื่อเทียบกับกลุ่มเทคโนโลยีที่เติบโตในระดับใกล้เคียงกัน ทำให้ปีนี้มีโอกาสสูงที่กลุ่ม Healthcare จะกลับมาทวงคืนตำแหน่ง Top Performer บนเวทีตลาดหุ้นโลก
กลุ่ม Healthcare เผชิญกับความท้าทายในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาในแง่อัตราการเติบโตแบบปีต่อปี (YoY) ที่ชะลอตัวลงหลังการเติบโตแบบก้าวกระโดดจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในช่วงก่อนหน้า อย่างไรก็ตามในปี 2024 นี้ กลุ่ม Healthcare กลับมาโดดเด่นอีกครั้งด้วยแนวโน้มการเติบโตทางกำไรต่อหุ้น (EPS Growth) ที่ Factset คาดว่าจะเติบโตได้สูงถึง 15% ซึ่งสูงกว่าภาพรวมตลาดอย่างดัชนี S&P500 ที่คาดว่าจะเติบโตได้ราว 11% และเป็นรองเพียงแค่กลุ่ม Information Technology และกลุ่ม Communication Services ที่มีแนวโน้มเติบโตที่ 18%
ปีนี้ กลุ่ม Healthcare ยังได้รับปัจจัยสนับสนุนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นจำนวนยาที่ได้รับการอนุมัติจาก FDA ที่กลับมาอยู่ในระดับสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงก่อนการแพร่ระบาดของ COVID โดยปีที่แล้ว FDA ได้อนุมัติตัวยาจำนวน 55 ตัว สูงกว่าปีก่อนหน้าที่มียาได้รับการอนุมัติเพียง 37 ตัว และมีแนวโน้มว่าในปี 2024 นี้ จะมียาที่ได้รับการอนุมัติในระดับสูงเช่นกัน
ในขณะที่แนวโน้มการควบรวมกิจการ (M&A) ของกลุ่มเริ่มกลับมาฟื้นตัวในปีที่ผ่านมาและมีการคาดการณ์จาก PWC ว่าจะยังคงเพิ่มขึ้นถึง 20% ในปี 2024 นี้ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญนอกเหนือจากยอดขายและผลกำไรที่จะผลักดันให้ราคาของบริษัทจดทะเบียนในกลุ่ม Healthcare ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นในปีนี้
สำหรับกลุ่มธุรกิจที่โดดเด่นในอุตสาหกรรม Healthcare ก็คือ กลุ่มธุรกิจ Biotechnology ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีถึง 12.5% (CAGR) ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่สูงที่สุดในกลุ่มอุตสาหกรรม Healthcare ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ในขณะที่การคิดค้นวิจัยยาตัวใหม่และได้รับอนุมัติจาก FDA ที่กลับมาฟื้นตัวอย่างรวดเร็วในปีที่แล้วเป็นปัจจัยเร่งที่สำคัญ ยกตัวอย่างเช่น ยาลดความอ้วน “Tirzepatide” ของบริษัท Eli Lilly ที่ได้รับการอนุมัติและวางขายบนแพลตฟอร์มออนไลน์ได้ในปีที่แล้วเป็นเสมือนการเปิดศักราชใหม่ของยาลดน้ำหนักและคาดว่าการแข่งขันจะสูงขึ้นต่อเนื่องจากตลาดยาลดน้ำหนักที่ยังมีมูลค่ามหาศาล
ความสำเร็จในการคิดค้นจนนำยาลดน้ำหนักออกสู่ตลาดของ Eli Lilly ดันให้ราคาหุ้นของบริษัทพุ่งขึ้นไปกว่า 100% ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา และการแข่งขันที่ดุเดือดจะนำไปสู่การทำ M&A โดยบริษัทยาขนาดกลางถึงเล็กที่มีนวัตกรรมยาชนิดใหม่จะถูกบริษัทยาขนาดใหญ่ที่มีความได้เปรียบในแง่เงินลงทุนเข้าไปควบรวบกิจการและผลักดันให้มูลค่าของบริษัทปรับตัวสูงขึ้นแบบก้าวกระโดด รวมไปถึงราคาหุ้นของบริษัทด้วย
หากพิจารณาที่ระดับราคาปัจจุบันของกลุ่ม Healthcare พบว่า ยังซื้อขายในระดับราคาที่ค่อนข้างถูก โดย ณ ปัจจุบัน หุ้นกลุ่ม Healthcare ของสหรัฐฯ ยังซื้อขายด้วยระดับ Fwd PE ที่ถูกกว่ากลุ่ม Technology ของสหรัฐฯ ถึง 10% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา และเมื่อพิจารณากลุ่ม Healthcare ของโลก (MSCI World Healthcare) เทียบกับหุ้นโลก (World Index) พบว่าราคากลุ่ม Healthcare ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี ราว 5%
ด้วยแนวโน้มการเติบโตที่โดดเด่น ในขณะที่ราคาของกลุ่ม Healthcare ยังอยู่ในระดับต่ำ ทำให้ Factset ประเมิณว่าหุ้นกลุ่ม Healthcare จะเป็นกลุ่มที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดในระยะ 1 ปีข้างหน้า โดยคาดว่าหุ้นกลุ่ม Healthcare ของสหรัฐฯ จะให้ผลตอบแทนถึง 10.2% จากราคาปัจจุบัน ในขณะที่คาดว่าดัชนี S&P500 จะให้ผลตอบแทนราว 7% เท่ากับกลุ่ม Communication Services ส่วนกลุ่ม Information Technology คาดว่าจะให้ผลตอบแทน 7.5%
สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นว่าแม้แนวโน้มการเติบโตในปีนี้ของกลุ่ม Information Technology และ Communication Services จะสูงกว่า Healthcare แต่ราคาหุ้นของกลุ่มเหล่านี้ได้สะท้อนแนวโน้มการเติบโตไปแล้ว ในขณะที่ราคาของหุ้นกลุ่ม Healthcare เพิ่มเริ่มกลับมาเท่านั้น
ปี 2024 นี้ จึงมีโอกาสสูงที่กลุ่ม Healthcare โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจ Biotechnology จะสามารถสร้างผลตอบแทนได้โดดเด่น และกลับมาทวงคืนตำแหน่ง Top Performer บนเวทีตลาดโลกได้ไม่ยากนัก
หากท่านใดมีข้อข้องใจเกี่ยวกับการวางแผนการเงินของตนเอง สามารถส่งคำถามของท่านมาได้ที่ [email protected] I บทความโดย ณัฐพร ธรวงศ์ธวัช AFPTTM Wealth Manager