TPIPP คาดรายได้ปี 67 ขยายตัวชัด เผยงบลงทุนระยะยาว 2.1 หมื่นล้านบาท
บมจ. ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ (TPIPP) ชี้รายได้ปี 2567 นี้จะขยายตัวเพิ่ม อานิสงส์เปลี่ยนผ่านจากโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงฟอสซิลไปสู่พลังงานสะอาด ขณะที่คุมต้นทุนสร้างกำไรได้ดีขึ้นลดผลกระทบราคาถ่านหินผันผวนได้ เป้าภายในปี 2567 มีกำลังผลิตรวม 477 MW และปี 2569 เพิ่มเป็น 540 MW
นายภัคพล เลี่ยวไพรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPP เปิดเผยว่า ประเมินแนวโน้มรายได้ของบริษัทฯ ปี 2567 นี้จะขยายตัวเพิ่มจากปีที่ผ่านมาซึ่งมีรายได้รวม 11,331 ล้านบาท จากผลดีของธุรกิจโรงไฟฟ้าที่กำลังเปลี่ยนผ่านจากโรงไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลไปสู่พลังงานสะอาดมากขึ้น
อีกทั้งคาดว่าความสามารถทำกำไรทั้งปีจะอยู่ในระดับน่าพอใจเนื่องจากโรงไฟฟ้าพลังงานขยะที่บริษัทฯ ให้ความสำคัญในปัจจุบันควบคุมต้นทุนได้มากกว่าโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินที่ราคาต้นทุนเชื้อเพลิงผันผวน
ปัจจุบันบริษัทฯ มีกำลังการผลิตจากธุรกิจโรงไฟฟ้ารวม 440 เมกะวัตต์ โดยแบ่งเป็นพลังงานจากถ่านหิน 220 เมกะวัตต์ พลังงานจากขยะ 180 เมกะวัตต์ และพลังงานความร้อนทิ้ง 40 เมกะวัตต์
แผนอนาคตภายในปี 2567 ขยับเป็นทั้งหมด 477 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นจะมีพลังงานจากถ่านหินลดเป็น 150 เมกะวัตต์ พลังงานจากขยะเพิ่มเป็น 250 เมกะวัตต์ พลังงานความร้อนทิ้ง 40 เมกะวัตต์ อีกทั้งเพิ่มพลังงานจากแสงอาทิตย์เป็น 37 เมกะวัตต์
และภายในปี 2569 ขยับเป็นทั้งหมด 540 เมกะวัตต์ โดยจะไม่มีพลังงานจากถ่านหินแล้ว พลังงานจากขยะเพิ่มเป็น 420 เมกะวัตต์ พลังงานความร้อนทิ้ง 40 เมกะวัตต์ อีกทั้งพลังงานจากแสงอาทิตย์เป็น 79 เมกะวัตต์
"ต้นทุนเราดีขึ้น ผมยกตัวอย่างปีที่แล้ว 8 เดือน เราลดไปได้ราว 70 เมกะวัตต์ ตัวเลขที่เราประหยัดสูงกว่า 600 ล้านบาท จากการที่เปลี่ยนถ่านหินมาเป็นขยะ ตอนนี้เรามีขยะอยู่ 6 โรงแล้ว ซึ่งสงครามที่เกิดขึ้นในปีก่อนที่ทำให้ราคาถ่านหินเพิ่มก็ไม่ได้กดดันผลงานของเรา" นายภัคพล เลี่ยวไพรัตน์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังมีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง กำหนดวงเงินลงทุนนับแต่ต้นปี 2564 ถึงกลางปี 2569 อยู่ที่ประมาณ 12,000 ล้านบาท โดยหลักเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนผ่านโรงไฟฟ้าประเภทถ่านหินมาเป็นประเภทโรงไฟฟ้าขยะ อีกทั้งจะปรับปรุงโรงไฟฟ้าของเดิมที่มีอยู่ และเพิ่มของใหม่ตามแผนงาน
ด้านธุรกิจประเภทสถานีบริการน้ำมันและก๊าซธรรมชาติของ TPIPP ปัจจุบันมีสถานีบริการทั้งหมด 12 สถานี ประกอบด้วยสถานีบริการน้ำมัน 8 สถานี สถานีก๊าซ 1 สถานี และอีก 3 สถานีเป็นทั้งน้ำมันและก๊าซธรรมชาตินั้น ยังไม่มีแผนขยายหรือลงทุนพิเศษใดๆ เพิ่มเติม โดยสัดส่วนรายได้ของกลุ่มนี้อยู่ที่ราว 5% ของรายได้รวม
นายภัคพล เลี่ยวไพรัตน์ ยังเชื่อว่า แนวโน้มการผลิตและใช้พลังงานสะอาดจะเติบโตทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทย ทว่าผู้ประกอบการรายใหม่ในประเทศที่จะเข้ามาในธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานจากขยะอาจทำได้ยากเพราะมีความซับซ้อนสูงเรื่องการควบคุมค่าปริมาณไฟฟ้าจากวัตถุดิบตั้งต้นผลิต