MAGURO ไอพีโอเข้า mai ใน Q2 นี้ ระดมทุน 34 ล้านหุ้น วางแผนผุดแบรนด์ใหม่ปลายปี

MAGURO ไอพีโอเข้า mai ใน Q2 นี้ ระดมทุน 34 ล้านหุ้น วางแผนผุดแบรนด์ใหม่ปลายปี

บมจ.มากุโระ กรุ๊ป (MAGURO) เตรียมระดม 34 ล้านหุ้นเข้า mai ใน Q2/67 โดยจะมีขายทั้งจากหุ้นเดิมที่ Holistic Impact ถืออยู่ไม่เกิน 12.6 ล้านหุ้น และหุ้นเพิ่มทุนที่ตัวบริษัทออกอีก 21.4 ล้านหุ้น หวังนำเงินไปขยาย - ปรับปรุงสาขา ลงทุนระบบ พร้อมผุดแบรนด์ใหม่

นายเอกฤกษ์ แสงเสรีดำรง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท มากุโระ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAGURO กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างเดินหน้าเพื่อเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) คาดเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ได้ช่วงไตรมาส 2 นี้ 

ทั้งนี้ บริษัทมีแผนที่ระดมทุน โดยการเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 34,060,200 หุ้น หรือคิดเป็นไม่เกิน 27.03% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออก และเรียกชำระแล้วทั้งหมด โดยบริษัทมีแผนจะนำเงินที่ได้ไปขยายธุรกิจ ด้วยการเปิดสาขาเพิ่ม 11 สาขาในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล, ปรับปรุงสาขาเดิม และปรับปรุงครัวกลาง ติดตั้ง และปรับปรุงระบบ IT เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และรองรับการขยายตัวของจำนวนสาขาของบริษัทในอนาคต รวมถึงเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน

นอกจากนี้ คาดว่าในช่วงไตรมาสสุดท้ายปี 2567 นี้ จะเพิ่มแบรนด์ร้านอาหารใหม่เข้ามาร่วมขยายการเติบโตอีก 1 แบรนด์ซึ่งมั่นใจว่าตลาดยังมีฐานลูกค้ารองรับ และจะช่วยให้ทั้งกลุ่มเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง

ณ วันที่ 15 มีนาคม 2567 MAGURO มีร้านอาหารในเครือทั้งหมด 3 แบรนด์ รวม 26 สาขา คือ 
1.) MAGURO ร้านอาหารญี่ปุ่น และซูชิที่มุ่งเน้นการใช้คุณภาพสูงจากประเทศญี่ปุ่น 14 สาขา 
2.) SSAMTHING TO GETHER ร้านปิ้งย่างเกาหลีระดับพรีเมียม 6 สาขา 
3.) HITORI SHABU ร้านชาบู และสุกี้ยากี้หม้อเดี่ยวสไตล์คันไซต้นตำรับ 6 สาขา 
อีกทั้งบริษัท ยังให้บริการจัดส่งอาหาร และรับจัดเลี้ยงนอกสถานที่อีกด้วย

ด้านผลประกอบการ บริษัทมีรายได้รวมในปี 2566 จำนวน 1,045.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 57.06% จากรายได้รวม 665.85 ล้านบาท ในปี 2565 และมีกำไรสุทธิ 72.48 ล้านบาทในปี 2566 เติบโตสูงถึง 131.12% จากกำไรสุทธิ 31.36 ล้านบาท ในปี 2565

"ในช่วงวิกฤติโควิด-19 ถึงแม้ภาครัฐมีมาตรการ การห้ามเปิดร้านอาหารซึ่งส่งผลกระทบต่อธุรกิจร้านอาหารทั่วประเทศ  แต่ MAGURO สามารถแก้ปัญหา และปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว ทั้งยังสามารถสร้างผลกำไรได้ในตลอดช่วงวิกฤติดังกล่าว และเมื่อสถานการณ์โควิดคลี่คลาย บริษัทได้ขยายธุรกิจเชิงรุก และต่อเนื่อง" นายเอกฤกษ์ แสงเสรีดำรง กล่าว

นางสาวจิรยง อนุมานราชธน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจย์ แคปปิตอล แอดไวเซอรี จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า  MAGURO เป็นบริษัท ที่มีกลุ่มผู้บริหารและผู้ถือหุ้นใหญ่เชี่ยวชาญในธุรกิจร้านอาหารระดับ Premium Mass สามารถสร้างแบรนด์ร้านอาหารที่แข็งแกร่ง ด้วยคุณภาพของอาหารระดับพรีเมียมในราคาที่คุ้มค่า ทำให้มีฐานลูกค้าที่มั่นคง และสามารถขยายไปยังฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง 

สอดคล้องกับการขยายสาขาของแต่ละแบรนด์อย่างต่อเนื่องในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล นอกจากนี้ถึงแม้ว่าธุรกิจร้านอาหารจะมีการแข่งขันกันอย่างเข้มข้น แต่บริษัทยังคงโดดเด่นด้วยร้านอาหารถึง 3 รูปแบบ ทั้งร้านอาหารญี่ปุ่น และซูชิ ร้านอาหารชาบู และสุกียากี้สไตล์คันไซต้นตำรับ และร้านปิ้งย่างเกาหลี ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมร้านอาหารที่มีมูลค่าตลาดสูง และเติบโตต่อเนื่อง 

อีกทั้ง MAGURO ยังมีสถานะการเงินที่แข็งแกร่ง โดยบริษัท ไม่มีหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย และมีอัตราผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) สูงถึง 26.52% ซึ่งการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ mai จะช่วยให้บริษัท ขยายฐานทุน และสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคง และแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น 

และนายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการ การจัดจำหน่าย และรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญ) กล่าวเสริมว่า MAGURO เป็นบริษัทที่มี Brand Portfolio ที่แข็งแกร่งในตลาดไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ MAGURO เอง รวมถึงแบรนด์ที่เปิดใหม่ทั้ง SSAMTHING TOGETHER และ HITORI SHABU ที่ล้วนได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี 

ขณะที่ปัจจุบันบริษัท มีสาขาที่อยู่ใน CBD Area เพียงจำนวน 7 สาขา ที่เหลือเป็นสาขาที่อยู่ในกรุงเทพฯ ชั้นนอก ส่งผลทำให้ได้รับประโยชน์จากต้นทุนค่าเช่าที่ต่ำกว่า นอกจากนี้บริษัทยังมีฝ่ายวิจัย และพัฒนาของบริษัทที่แข็งแกร่ง ทำให้บริษัท สามารถพัฒนา และปรับตัวให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคอยู่เสมอ จากสาเหตุดังกล่าวทำให้รายได้ของบริษัท มีการเติบโตเฉลี่ยถึงปีละ 64.26% ในช่วง 3 ปีล่าสุด  และบริษัท ยังมีความสามารถในการควบคุมต้นทุน ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัท เพิ่มจาก 41.91% ในปี 2565 เป็น 45.17 % ในปี 2566 และส่งผลทำให้อัตรากำไรสุทธิของบริษัท เพิ่มจาก 4.71% ในปี 2565 เป็น 6.93% ในปี 2566 

ปัจจุบัน MAGURO มีทุนจดทะเบียน 63.00 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 126,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท โดยเป็นทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว 52.27 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 104,539,800 หุ้น และจะเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 34,060,200 หุ้น หรือคิดเป็นไม่เกิน 27.03% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออก และเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญในครั้งนี้ ประกอบด้วยหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายโดยบริษัท จำนวนไม่เกิน 21,460,200 หุ้น คิดเป็นไม่เกิน 17.03% และหุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดย Holistic Impact Pte. Ltd. (“HOLISTIC IMPACT”) จำนวนไม่เกิน 12,600,000 หุ้น คิดเป็นไม่เกิน 10.00% 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์