SBNEXT กับกลุ่ม SABUY ความวุ่นวายที่ยังมีความหวัง

SBNEXT กับกลุ่ม SABUY ความวุ่นวายที่ยังมีความหวัง

"สบาย คอนเน็กซ์ เทค" รอวันคืนสู่ความสดใส หลังการเข้ามาของกลุ่ม "สบาย เทคโนโลยี" ทำนลท.ยิ้มแห้ง มองฉากทัศน์เข้าหัวเลี้ยวหัวต่ออีกครั้ง คาด "ชูเกียรติ รุจนพรพจี" และคณะเดินถอยฉาก หวังกลุ่ม "เจียรวนนท์" เข้าโอบอุ้ม ขณะที่กลุ่ม "เธียรสุรัตน์" ผู้ก่อตั้งยังเคียงข้างรายย่อย

กลิ่นคาวน้ำขุ่นมิอาจหมดจดใสสะอาดได้ด้วยการผ่านเครื่องกรองน้ำที่ไส้กรองอุดตันฉันใด ปัญหาภายในที่ไม่ได้รับการแก้ไขทั้งระบบย่อมจะบั่นทอนผลการดำเนินงานขององค์กรธุรกิจฉันนั้น

แทบจะ 1 ปีพอดี บริษัท เธียรสุรัตน์ จำกัด (มหาชน) ที่ใช้ชื่อย่อหลักทรัพย์ในวันนั้นว่า TSR เปิดเผยว่าจะมีการเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท สบาย คอนเน็กซ์ เทค จำกัด (มหาชน) และใช้ชื่อย่อหลักทรัพย์ว่า SBNEXT มีผลเป็นทางการตั้งแต่ 9 พ.ค. 2566

ย้อนไปช่วงระยะเวลาก่อนหน้านั้นอีก 1 ปีเช่นกันกลุ่ม บริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SABUY นำโดย นายชูเกียรติ รุจนพรพจี เข้ามาถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 โดยวันที่ 10 พ.ค. 2565 มีรายงานการเข้าซื้อหุ้นบริษัทมหาชนแห่งนี้ถึง 24.9% ซึ่งกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมขายออกมาบางส่วน ส่งผลกลุ่มตระกูล "แจ้งอยู่" ผู้ก่อตั้ง "เธียรสุรัตน์" ลดสัดส่วนการถือหุ้นลงมาเป็นอันดับรองๆ พร้อมอำนาจบริหารและนโยบายธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงตาม

เกิดการเปลี่ยนถ่ายหลายมิติ ทีมบริหารใหม่เข้ามาพร้อมแผนต่อยอดธุรกิจผลิต-จำหน่ายเครื่องกรองน้ำ พัฒนาสินค้าระหว่างกันเชื่อมโยงไปสู่ช่องทางขายใหม่ๆ ภายใต้เครือข่ายกลุ่ม SABUY มุ่งหวังผลักดันผลประกอบการขยายตัวเป็นเท่าตัว เร่งเพิ่มความสามารถทำกำไร

ภาพอันสวยงามหาได้เกิดขึ้นจริงไม่ ปัจจุบันรายกิจการได้ยังย่ำอยู่กับที่ เดิมปี 2564 อยู่ที่ 1,693.49 ล้านบาท, ปี 2565 อยู่ที่ 1,386.73 ล้านบาท และงบเต็มปีล่าสุด 2566 ก็ทำได้เพียง 1,689.95 ล้านบาท ซ้ำกำไรบรรทัดสุดท้ายเหวี่ยงพลิกติดลบจนได้ปี 2566 ขาดทุน 86.49 ล้านบาท อีกทั้งกระแสเงินสดสุทธิติดลบ 34.76 ล้านบาท โดยไส้ในพบเงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงานลบ 272.88 ล้านบาท และเงินสดสุทธิจากกิจกรรมลงทุนลบ 1,266.94 ล้านบาท หนี้สินรวมยังเพิ่มมากอย่างมีนัยกดดันหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E) ถีบสูง 1.73 เท่า จากปีก่อนๆ ที่อยู่ๆ ราว 0.30-0.37 เท่าเท่านั้น

แน่นอนว่าราคาหุ้นนับแต่วันที่ใช้ชื่อย่อว่า SBNEXT นี้ก็มีทรงกราฟเป็นขาลงจากราว 3.50 บาท วันทำการวานนี้ปิดที่ 0.60 บาท คิดเป็นการปรับลง 82.85% ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจ

เนื่องจากระหว่างทางก็มีประเด็นเชิงลบสะสมเรื่อยมาอาทิ ผลกระทบจากการเพิ่มทุน ความล่าช้าของแผนปรับโครงสร้าง มีการขาดทุนพิเศษด้านบัญชีตีมูลค่าที่ดิน การร่วมลงทุนในธุรกิจซึ่งต้องตั้งสำรองเผื่อหนี้สูญจำนวนมาก กรรมการฝ่ายบริหารระดับคีย์แมนโดนเปลี่ยนตำแหน่งหรือบางคนลาออกทั้งที่เข้ามาไม่นาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ช่วงระยะหลังฝั่งกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่จาก SABUY มีปัญหาบริหารจัดการแผนใช้เงินลงทุน ก็ยังเป็นช่วงที่กรรมการสำคัญแจ้งลาออกถี่ขึ้น แม้กระทั่ง นายชูเกียรติ รุจนพรพจี ที่ขึ้นมาเป็นประธานกรรมการบริหารด้วยตนเอง ก็ยังปรี่ลาออกภายในเวลาไม่ถึงเดือน

และล่าสุดความวุ่นวายยังปรากฏแจ่มชัดผ่านมติการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 เมื่อวันที่ 26 เม.ย. 2567 เวลา 13.30 น. โดยวาระจำนวนมากไม่ผ่านการเห็นชอบ มีประเด็นค้างคาเช่น การไม่อนุมัติรับรองงบการเงินเพราะผู้ถือหุ้นตั้งข้อสังเกตพบบางรายการต้องสงสัยประเด็นถ่ายเทผลประโยชน์ การที่กรรมการคนสำคัญนายกิตติพล ฐานะสิทธิ์ ถูกคัดค้านการต่อวาระจึงไม่มีสิทธิกลับมาสานต่องานบริหารตามที่แสดงเจตนาไว้ เรื่องแผนธุรกิจที่ไม่ตรงกับวัตถุประสงค์ที่กิจการจดแจ้งไว้ แผนการเพิ่มทุนสะดุด ปัญหาทุนหมุนเวียนที่เสี่ยงไม่เพียงพอต่อการดำเนินการ

แม้กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ฝั่ง SABUY มีความพยายามดึงกลุ่มทุน Lightnet ซึ่งถือหุ้นใหญ่โดยนายชัชวาลย์ เจียรวนนท์ และนายตฤบดี อรุณานนท์ชัย เข้ามาเพิ่มทุนตนเอง หวังให้มีเม็ดเงินเพิ่มเข้ามาสะสางปัญหาธุรกิจในกลุ่มซึ่งรวมทั้งปัญหาใน SBNEXT แต่ก็ดูเหมือนว่าหนทางไม่ได้ง่ายดายตราบที่มติภายในยังไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน

แหล่งข่าวผู้ถือหุ้น SBNEXT ให้ข้อมูลสถานการณ์ว่า "การที่วาระประชุมไม่ผ่านจำนวนมากส่งผลต่อแผนระดมทุนและแผนการลงทุนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ตอนนี้ทางผู้ถือหุ้นใหญ่อยู่ระหว่างอธิบายให้ข้อมูลเพื่อหวังให้การประชุมผู้ถือหุ้นคราวถัดไปสามารถรับรองงบการเงินปี 2566 ได้สักที รวมถึงเพื่อให้มีกรรมการเข้ามาแก้ปัญหาภายในให้ลุล่วง ปูทางสู่การพื้นความเชื่อมันของตัวบริษัท"

ตอนนี้มีสัญญาณว่ากลุ่มผู้ถือหุ้นบางส่วน อยากเห็นการเข้ามาของกลุ่มทุนใหม่ที่ไม่ใช่กลุ่มในเครือข่าย SABUY ซึ่งล้มเหลวในแง่เป้าหมายธุรกิจ และยังน่าแคลงใจในแง่การบริหารการเงิน ส่วนฝั่งกลุ่ม "แจ้งอยู่" ผู้ก่อตั้ง "เธียรสุรัตน์" แม้จะมีเสียงตามสิทธิจำนวนการถือหุ้นที่น้อยกว่าแต่ก็ยังมีเจตนาที่จะถือหุ้นใหญ่ต่อไป และพยายามจะมีส่วนร่วมในการพลิกฟื้นกิจการอยู่

"กลุ่มแจ้งอยู่ ไม่น่าจะทิ้งบริษัทนี้ออกไปเพราะสร้างมากับมือตั้งแต่รุ่นพ่อจนมาถึงรุ่นลูก ตอนนี้ทีมผู้บริหารงานที่ตั้งใจทำงานกันจริงๆ ก็ยังมีความหวังกับบริษัทนี้อยู่ และมีความพยายามร่วมกันที่จะสร้างความโปร่งใสเรียกความเชื่อมันจากผู้ถือหุ้นนักลงทุนรายย่อยให้ได้ เพียงแต่รอการเปลี่ยนผ่านอะไรบางอย่างก่อน" แหล่งข่าววิเคราะห์ความเป็นไปได้

สุดท้ายแล้วผู้ถือหุ้นรายดังกล่าวยังมั่นใจว่า กลุ่ม SABUY ค่อยๆ ลดบทบาทใน SBNEXT ลง โดยผู้ถือหุ้นที่เหลือหลังจากนั้นจะกลับมาผลักดันทิศทางธุรกิจให้ดีขึ้นกลับมาเป็นที่ยอมรับทั้งจากฝั่งผู้ถือหุ้นรายย่อย นักลงทุน เจ้าหนี้ คู่ค้า ลูกค้า และรวมถึงพนักงานในองค์กรทุกระดับชั้นได้เหมือนวันวานที่ TSR เคยเป็นภาพจำอันสดใสบริสุทธิ์ได้