MAGURO ได้ฤกษ์ 5 มิ.ย. 67 เทรด mai ขายไอพีโอ 15.90 บาท เปิดจองซื้อ 28-30 พ.ค.นี้

MAGURO ได้ฤกษ์ 5 มิ.ย. 67 เทรด mai  ขายไอพีโอ 15.90 บาท เปิดจองซื้อ 28-30 พ.ค.นี้

บมจ. มากุโระ กรุ๊ป (MAGURO) ไอพีโอ 34.06 ล้านหุ้น ราคา 15.90 บาทต่อหุ้น จอง 28-30 พ.ค.นี้ เทรด mai 5 มิ.ย. 67 บล. ฟินันเซีย ไซรัส จัดสรรการจำหน่าย ระดมทุนขยายเพิ่ม 11 สาขาปีนี้ เผยมีนำหุ้นจากผู้ก่อตั้งบางจำนวนที่ไม่โดนติดการห้ามซื้อขาย 4.45% ทำบิ๊กล็อต 1st Day ให้ 3 นักลงทุนสถาบัน

นายเอกฤกษ์ แสงเสรีดำรง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท มากุโระ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAGURO เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้เสนอขายหุ้นไอพีโอ (IPO) จำนวนไม่เกิน 34.06 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาทต่อหุ้น เพื่อระดมทุนสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน

เงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทฯ จะนำไปใช้ในการขยายธุรกิจ ด้วยการเปิดสาขาใหม่ในปี 2567 ไม่น้อยกว่า 11 สาขาในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งจากแผนเปิดสาขาใหม่ จะส่งผลให้ ณ สิ้นปี บริษัทฯ จะมีสาขาเพิ่มเป็นจำนวน 36 สาขา เติบโตขึ้นจาก 25 สาขา ณ สิ้นปีที่แล้ว

นอกจากนี้ยังจะใช้เงินระดมทุนเพื่อปรับปรุงสาขาเดิม ปรับปรุงครัวกลาง ติดตั้งและปรับปรุงระบบ IT เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และรองรับการขยายตัวของจำนวนสาขาของบริษัทฯ ในอนาคต รวมถึงเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน

โดยมี บริษัท เจย์ แคปปิตอล แอดไวเซอรี จำกัด เป็นฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และได้แต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญ 

อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้รับการติดต่อจากนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนบุคคลธรรมดาหลายราย ที่มีความประสงค์ที่จะลงทุนในหุ้นของ MAGURO แต่เนื่องจากจำนวนหุ้น IPO ที่เสนอขายในครั้งนี้มีจำนวนหุ้นจำกัด

ดังนั้นผู้ร่วมก่อตั้งทั้ง 4 ราย จึงได้ตกลงที่จะขายหุ้นสามัญในส่วนที่เหลือทั้งหมดจากการติด Silent Period ตามข้อบังคับของตลาดหลักทรัพย์ จำนวน 5,610,400 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 4.45 ของหุ้นทั้งหมดภายหลัง IPO ให้แก่นักลงทุนสถาบันจำนวน 3 ราย ได้แก่

(1) กองทุนส่วนบุคคล โดย บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด จำนวน 2,805,200 หุ้น
(2) บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) จำนวน 1,402,400 หุ้น
และ (3) บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด จำนวน 1,402,800 หุ้น

หุ้นจำนวนดังกล่าวนี้จะนำขายในวันแรกที่หุ้นสามัญของบริษัทฯ เริ่มทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในราคาเดียวกับราคาที่เสนอขายแก่ประชาชนทั่วไป ผ่านการซื้อขายแบบ Big Lot ในตลาดหลักทรัพย์ฯ

อีกทั้ง เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนในการเข้ามาซื้อขาย นักลงทุนสถาบันทั้ง 3 ราย ร่วมกับ Holistic Impact Pte. Ltd ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นเดิมที่ยังคงถือหุ้นในบริษัทฯ จำนวน 17,029,400 หุ้น คิดเป็น 13.52% ของหุ้นทั้งหมดภายหลัง IPO ยังได้ทำข้อตกลงไม่จำหน่ายหุ้นที่ตนถืออยู่เป็นเวลา 3 เดือน นับตั้งแต่วันที่เริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์

ดังนั้นเมื่อนับรวมกับหุ้นที่ถูกติด Silent Period ตามข้อบังคับของตลาดหลักทรัพย์แล้ว จะมีหุ้นที่ถูกห้ามขายรวมเป็นจำนวนกว่าร้อยละ 72.97 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัทฯ

นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บล. ฟินันเซีย ไซรัส ผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญ เปิดเผยเพิ่มว่า หุ้นไอพีโอ จำนวนไม่เกิน 34.06 ล้านหุ้นที่จำหน่ายครั้งนี้ แบ่งเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 21.46 ล้านหุ้น คิดเป็นร้อยละ 17.03 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้

และหุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดย Holistic Impact Pte Ltd จำนวน 12.60 ล้านหุ้น คิดเป็นร้อยละ 10.00 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้

เปิดจองซื้อระหว่างวันที่ 28-30 พ.ค. 2567 นี้ ที่ราคาหุ้นละ 15.90 บาท/หุ้น และคาดว่าจะเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) กลุ่มอุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร (AGRO) ในวันที่ 5 มิ.ย 2567 ในชื่อย่อหลักทรัพย์ว่า MAGURO

“MAGURO ถือเป็นธุรกิจร้านอาหารที่มีการเติบโตอย่างโดดเด่น โดยในช่วงปี 64-66 บริษัทฯ มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยที่สูงถึง 64.91% และ 96.38% ต่อปี ตามลำดับ ซึ่งเป็นผลทั้งจากการเปิดสาขาใหม่ และการเติบโตจากรายได้ของสาขาเดิม ในขณะเดียวกัน บริษัทฯ มีศักยภาพในการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต ทั้งจากการขยายสาขาเพิ่มเติมและการเปิดแบรนด์ใหม่" นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กล่าว

พร้อมกันนี้มีผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายอีก 5 แห่ง ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด

ด้านนายจิรยง อนุมานราชธน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจย์ แคปปิตอล แอดไวเซอรี จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า “ภายใต้การแข่งขันสูง MAGURO ยังเติบโตต่อเนื่องด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจร้านอาหารระดับ Premium Mass ที่สามารถสร้างเครือข่ายร้านอาหารที่แข็งแรง ทั้งในแง่ของการรักษาฐานลูกค้าเดิมและขยายฐานลูกค้าใหม่เพิ่ม"

จากนี้ บริษัทฯ ยังมีผลการดำเนินงานและสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง โดยในปี 2566 มีอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) สูงถึง 45.17% และมีอัตราผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) สูงถึง 26.52% รวมถึง บริษัทฯ ไม่มีหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย ซึ่งการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ mai จะช่วยให้บริษัทฯ มีแหล่งเงินทุนที่เพียงพอสำหรับการขยายธุรกิจ เพื่อสร้างการเติบโตได้อย่างมั่นคงและแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น

MAGURO ประกอบธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นและเกาหลีระดับพรีเมียม-แมส ภายใต้ปรัชญา “การให้มากกว่าที่ขอ” โดย ณ วันที่ 30 เมษายน 2567 มีร้านอาหารภายในเครือทั้งหมด 3 แบรนด์ ได้แก่ 1. ร้านซูชิและอาหารญี่ปุ่นระดับพรีเมี่ยม MAGURO จำนวน 14 สาขา 2. ร้านปิ้งย่างเกาหลีพรีเมียม SSAMTHING TOGETHER จำนวน 6 สาขา และ 3. ร้านอาหารชาบูและสุกี้ยากี้สไตล์ญี่ปุ่นแบบต้นตำหรับ HITORI SHABU จำนวน 7 สาขา อีกทั้ง ยังมีธุรกิจรับจัดเลี้ยงรูปแบบของ Event Catering และ Office Lunchbox และมีบริการจัดส่งอาหารโดยตรง ภายใต้ชื่อ MAGURO GO