‘หุ้นเอเชีย’ดิ่งตามดาวโจนส์ กดดัชนีนิกเกอิเปิดตลาดร่วงกว่า 2%

‘หุ้นเอเชีย’ดิ่งตามดาวโจนส์ กดดัชนีนิกเกอิเปิดตลาดร่วงกว่า 2%

‘หุ้นเอเชีย’เปิดตลาดเช้าดิ่งตามดาวโจนส์ หลังบอนด์ยีลด์พุ่ง กดดัชนีนิกเกอิร่วงกว่า 2% นักลงทุนกังวลญี่ปุ่นประกาศตัวเลข‘เงินเฟ้อ’ที่จะประกาศในวันพรุ่งนี้ (31 พ.ค.) อาจนำไปสู่การปรับตัวขึ้นของอัตราดอกเบี้ยในระยะยาว

ตลาด"หุ้นเอเชีย"ทรุดตัวลงต่อในวันพฤหัสบดี (30 พ.ค.) ร่วงตามดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันพุธ(29พ.ค.)ปรับตัวร่วงลง 411 จุด หรือ 1.06% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 39.09 จุด หรือ 0.74% ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงก่อนที่จะมีการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจชุดใหญ่ของภูมิภาคในวันศุกร์นี้

ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียว Nikkei 225 ปรับตัวลดลงมากกว่า 2% ขณะที่ดัชนี Topix ลดลง 1.4% ในช่วงเช้าของการซื้อขาย ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงต่อเนื่องจากปิดตลาดวานนี้ (29 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นออกมาหลังจากตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงเมื่อวานนี้ และนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับตัวขึ้นของอัตราดอกเบี้ยระยะยาวในญี่ปุ่น

ด้านดัชนีเกาหลีใต้ Kospi ลดลงเกือบ 1% และ ตลาด Kosdaq ลดลง 0.6%

นักลงทุนจับตาตัวเลขเศรษฐกิจ

วันพรุ่งนี้ (31 พ.ค.) ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้จะเผยแพร่ตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรม รวมทั้งญี่ปุ่นจะประกาศตัวเลขเงินเฟ้อด้วย ส่วนด้านสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) มีกำหนดเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและภาคบริการประจำเดือนพ.ค.เช่นกัน

รวมทั้งในช่วงดึกที่ผ่านมา ดัชนีหลักทั้งสามดัชนีของตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลดลง เนื่องจากแรงกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Treasury yields) ที่เพิ่มสูงขึ้น โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี ปรับตัวสูงขึ้นเป็นวันที่สอง ปิดตลาดล่าสุดที่ระดับสูงกว่า 4.6%

ทั้งนี้การปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ(บอนด์ยีลด์) 10 ปี ซึ่งเป็นพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาของตราสารหนี้ทั่วโลก ซึ่งรวมถึงอัตราดอกเบี้ยจำนองของสหรัฐ จะทำให้ผู้บริโภคมีเงินสำหรับการใช้จ่ายลดน้อยลง ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการจ่ายเงินกู้จำนองเพิ่มมากขึ้น และบริษัทต่างๆจะเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการชำระหนี้ ทำให้บริษัทเหล่านี้ลดการลงทุน และลดการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน

ตลาดคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะไม่รีบปรับลดอัตราดอกเบี้ย หลังเจ้าหน้าที่เฟดต่างส่งสัญญาณต้องการเห็นเงินเฟ้อชะลอตัวต่อไปอีกหลายเดือน ก่อนที่จะตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ย