ดาวโจนส์ดิ่ง 330 จุด ถูกกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจอ่อนแอกว่าคาด
ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันพฤหัสบดี(30พ.ค.)ปรับตัวลง 330 จุด โดยถูกกดดันจากการทรุดตัวลงของราคาหุ้นเซลส์ฟอร์ซ (Salesforce) บริษัทซอฟต์แวร์รายใหญ่ของสหรัฐ บวกกับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐอ่อนแอกว่าที่คาดการณ์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ลดลง 330.06 จุด หรือ 0.86% ปิดที่ 38,111.48 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 31.47 จุด หรือ 0.60% ปิดที่ 5,235.48 จุด และดัชนีแนสแด็ก ลดลง 183.50 จุด หรือ 1.08% ปิดที่ 16,737.08 จุด
ทั้งนี้ ราคาหุ้นเซลส์ฟอร์ซทรุดตัวลงมากกว่า 15% หลังบริษัทเปิดเผยคาดการณ์กำไรและรายได้ประจำไตรมาส 2 ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ดัชนีดาวโจนส์ทรุดตัวลงกว่า 400 จุดวานนี้ โดยได้รับผลกระทบจากการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งทะลุ 4.6% รวมทั้งความกังวลที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะตรึงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงยาวนานกว่าที่คาดไว้ หลังเจ้าหน้าที่เฟดต่างส่งสัญญาณต้องการเห็นเงินเฟ้อชะลอตัวต่อไปอีกหลายเดือน ก่อนที่จะตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ย
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียงครั้งเดียวในปีนี้ โดยจะเกิดขึ้นในเดือนพ.ย. จากเดิมที่คาดไว้ในเดือนก.ย.
ตลาดจับตาดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ที่จะมีการเปิดเผยในวันพรุ่งนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้กำหนดเวลาในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด
ทั้งนี้ ดัชนี PCE ถือเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ โดยสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 1/2567 ในวันนี้ โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 1.3% ในไตรมาสดังกล่าว ต่ำกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ที่ระดับ 1.6% แต่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 1.2%
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 3,000 ราย สู่ระดับ 219,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 218,000 ราย