บล. ลิเบอเรเตอร์ เปิดโผ 17 หุ้นเด่น ชี้ 3 ปัจจัยหนุนเงินไหลกลับหุ้นไทย

บล. ลิเบอเรเตอร์ เปิดโผ 17 หุ้นเด่น ชี้ 3 ปัจจัยหนุนเงินไหลกลับหุ้นไทย

"วิจิตร อารยะพิศิษฐ" แนะ 17 หุ้นเด่นครึ่งปีหลัง COCOCO, WHA, SAV และ DUSIT แรงแล้วแรงได้อีก BTG, ITC, GFPT, SPRC, CPALL, BCH, MASTER, DELTA, CCET, BGRIM, SAWAD, WICE และ PRTR น่าสะสม ยังมีหวังเงินต่างชาติไหลกลับถ้าจีดีพีไทยสวย, กำไร บจ.สดใส และมาตรการกำกับดูแลตลาดทุนแข็งแรง

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ลิเบอเรเตอร์ กล่าวว่า แม้ภาพรวมตลาดหุ้นไทยนับแต่ต้นปีที่ผ่านมาจะไม่ดีนักเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นส่วนใหญ่ทั่วโลก โดย SET Index ล่าสุดปิดที่ 1,345.66 จุด อ่อนตัวลงราว 5% เมื่อเทียบสิ้นปี 2566 อย่างไรก็ตามในแง่กลยุทธ์ยังมีหุ้นในหลากหลายกลุ่มที่มีปัจจัยบวกเฉพาะ

โดยกลุ่มอาหารปีนี้สัญญาณเติบโตชัดเจนจากการฟื้นตัวของเนื้อสัตว์หมู และไก่, อสังหาริมทรัพย์ประเภทนิคมและสินทรัพย์เพื่อการเช่ามีแนวโน้มกำไรครึ่งปีหลังที่ดีขึ้น, สื่อสารผลประกอบการแข็งแรงและกิจการที่ขาดทุนมีโอกาสพลิกกลับมากำไร, พาณิชย์ มีโอกาสจากนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตที่อาจเกิดขึ้นช่วงปลายปีนี้, การแพทย์กลุ่มโรงพยาบาลขนาดใหญ่ผลประการแข็งแรง, ธุรกิจการเงิน หลายตัวราคาปรับลงจนความเสี่ยงต่ำ พร้อมกับมีความคาดหวังปีนี้อัตราดอกเบี้ยในระดับโลกน่าจะมีการปรับลดลง, พลังงาน เน้นโรงไฟฟ้าที่ผลประกอบการดี และหลายตัวราคาปรับลงจนความเสี่ยงต่ำเช่นกัน
 

สำหรับครึ่งปีหลัง 2567 มีรายชื่อหุ้นที่น่าสนใจแบ่งเป็น 2 ประเภทได้แก่ โซนบน คือปรับขึ้นแล้วยังมีโอกาสไปต่อ และโซนล่าง คือหุ้นที่น่าสะสมดังนี้

โซนบนมี 4 หุ้นอาทิ COCOCO, WHA, SAV และ DUSIT

โซนล่างมี 13 หุ้นอาทิ BTG, ITC, GFPT, SPRC, CPALL, BCH, MASTER, DELTA, CCET, BGRIM, SAWAD, WICE และ PRTR
 

ส่วนตลาดหุ้นไทยยังมีความหวังกลับมาน่าสนใจในระดับดึงดูดเม็ดเงินลงทุนต่างชาติให้ไหลกลับมาได้ด้วยเงื่อนไขต่อไปนี้

1. ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ จีดีพี ต้องขยายตัวได้ตามเป้าหมายของรัฐบาล หรือสูงกว่าที่คาดหวัง จากมาตรการกระตุ้นจากภาครัฐบาล ส่งออกดี และท่องเที่ยวฟื้นตัวต่อได้

2. กำไรบริษัทจดทะเบียนไตรมาสต่อๆ ไปของปีนี้ ยังสูงขึ้น หลังจากภาพรวมไตรมาสแรกถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดยราคาหุ้นยังอยู่ระดับต่ำ

3. มาตรการกำกับดูแลตลาดทุนมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นเพิ่มความเชื่อมั่นต่อการลงทุน

สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามตลอดครึ่งปีหลังได้แก่ นโยบายธนาคารกลางทั่วโลก, ความตึงเครียดระหว่างประเทศ เช่น สงครามการค้าจีน-สหรัฐ การตั้งกำแพงภาษี, ความตึงเครียดภูมิรัฐศาสตร์, ประเด็นการเมืองทั้งในประเทศและต่างประเทศ เป็นต้น

"ประเมินระดับ SET Index ที่เหมาะสมปีนี้ที่ 1,460 จุด ดังนั้น ที่ระดับ 1,300 จุดกว่าๆ ถือว่าหุ้นไทยไม่แพง แต่ที่นักลงทุนต่างชาติยังไม่รีบกลับมาหุ้นไทยเพราะจีดีพีเราไม่ได้โตสูง และเงินลงทุนก็สนใจประเทศที่มีฟอร์เวิร์ดพีอีต่ำซึ่งก็ไม่ใช่ไทย ถ้าเทียบตลาดเกิดใหม่เรายังสูงกว่าภาพรวม" นักกลยุทธ์การลงทุน บล. ลิเบอเรเตอร์ กล่าว