โบรกเกอร์หั่นดัชนีหุ้นเหลือ 1,480 จุด หวั่นการเมืองป่วน - ผ่านได้หุ้นไทยฟื้นแรง

ตลาดหุ้นไทยเผชิญแรงขายต่อเนื่องจากนักลงทุนต่างชาติที่ขายสุทธิหุ้นไทย 10 วันทำการ 20,000 ล้านบาท แต่ยอดขายสุทธิต่างชาติตั้งแต่ต้นปีแตะ 84,524 ล้านบาท (5มิ.ย.67) และยังเปิดสถานะชอร์ตต่อเนื่อง ท่ามกลางความกังวลใจทางการเมือง

ประกอบไปด้วยการส่งคำชี้แจงของนายกรัฐมนตรีต่อศาลรัฐธรรมนูญกรณีแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีให้ทัน 7 มิ.ย.2567 การยื่นคำร้องคดี ม.112 ของนายทักษิณ ชินวัตร 18 มิ.ย.2567 และศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาคดีที่ กกต.ขอวินิจฉัยการยุบพรรคก้าวไกล กรณีล้มล้างการปกครอง วันที่ 12 มิ.ย.2567

 

ความกังวลใจการเมืองยังส่งผลต่อภาพเศรษฐกิจที่ยังรอการกระตุ้นทั้งการใช้จ่ายภาครัฐ ภาคเอกชน จากปัจจัยดังกล่าว บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) ปรับลดเป้าหมายดัชนีตลาดหุ้นไทยสิ้นปีนี้มาอยู่ที่ 1,480 จุด จากเดิมที่ 1,560 จุด ปัจจัยเสี่ยงที่จะกดดันตลาดนั้นมาจากความวุ่นวายทางการเมือง การชะลอตัวของเศรษฐกิจ และการไหลออกของเงินลงทุนต่างชาติ

ประเด็น ม.112 ของนายทักษิณ สะท้อนความขัดแย้งภายในพรรคร่วมรัฐบาลระหว่างพรรคเพื่อไทย และพรรคพลังประชารัฐ ส่วนประเด็นนายกฯ เผชิญแรงกดดันให้พ้นตำแหน่ง และกรณีพรรคก้าวไกลเผชิญมีความเห็นว่ามีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูงที่พรรคก้าวไกลจะถูกยุบพรรค

อย่างไรก็ตามปัจจัยที่อาจช่วยหนุนตลาดหุ้นได้ การกลับมาใช้กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF)การลดอัตราดอกเบี้ยในต่างประเทศ และในประเทศ รวมถึงการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติที่แข็งแกร่ง (FDI)

นายกรภัทร วรเชษฐ์ หัวหน้าสายงานวิจัยบริษัทหลักทรัพย์ (บล.)กรุงศรี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจัยการเมืองค่อนข้างมีความไม่แน่นอนหากมีผลจนทำให้เศรษฐกิจสะดุดทำให้การทบทวนเป้าหมายดัชนีสิ้นปีมีผลมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการทบทวน และคาดว่าจะเป็นแนวโน้มปรับลดลงจากเดิมที่ 1,600 จุด

เบื้องต้นมาจากทางทีมเศรษฐกิจกรุงศรี ลดประมาณการเศรษฐกิจของไทยปีนี้ลงจากจีดีพี 2.7 % เป็น 2.4 % บวกกับกำไร บจ.ไตรมาส 1 ออกมาแม้ยังเติบโตแต่เป็นการฟื้นตัวที่โตไม่กระจาย และไม่ครอบคลุมทุกกลุ่มในอุตสาหกรรมทำให้ภาพเศรษฐกิจอาจจะสะดุดได้

นายกวี ชูกิจเกษม ผู้บริหารสูงสุด ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.พาย กล่าวว่า ประเด็นการเมืองแค่ปัจจัยรบกวนจึงคงเป้าดัชนีที่  1,540 จุด ตราบใดที่ไม่นำไปสู่การยุบสภา ประเด็นสำคัญจะอยู่ที่การพิจารณากรณีนายกฯ ซึ่งตามหลักการสามารถเลื่อนการส่งคำชี้แจงได้ 2 ครั้งทำให้มีโอกาสผลักดันมาตรการเศรษฐกิจยิ่งดิจิทัล วอลเล็ต ยอมกระจายเงินไปยังกลุ่มเปราะบางผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และLTF มาช่วย คาดว่า ครม.จะอนุมัติภายใน 2 สัปดาห์ ดังนั้นเศรษฐกิจไทยจะโตดีที่สุดไตรมาส 4 

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส ยังไม่มีการทบทวนเป้าหมายดัชนีที่ 1,570-1,580 จุด และอัตรากำไรต่อหุ้น 91.40 บาท/หุ้น เนื่องจากไม่ได้ตั้งเป้าหมายไว้สูงตั้งแต่แรกเพราะประเมินจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ย กำไร บจ. และส่วนต่างผลตอบแทนตลาดหุ้น ซึ่งทั้ง 3 ปัจจัยยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง ส่วนปัจจัยการเมืองเหนือการคาดหมายทำให้คาดการณ์ได้ยากแต่มีผลแน่นอน

การขายสุทธิของต่างชาติจนทำให้เงินทุนไหลออกต่อเนื่องกระทบมูลค่าการซื้อขายในตลาดหุ้นหายไปมองว่ามีปัจจัยช่วยคือ การผลักดันกองทุน LTF รวมทั้งมาตรการขายชอร์ต โรบอตเทรด และ HFT ทยอยมาจะทำให้แก้ไขเม็ดเงินหมุนเวียนในตลาดหุ้นได้

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์