’สิงเทล‘หนุน GULF ควบ INTOUCH รับหุ้น NewCo 9% พร้อมสิทธิ์ซื้อหุ้นเอไอเอส 5% แรก

’สิงเทล‘หนุน GULF ควบ INTOUCH รับหุ้น NewCo 9% พร้อมสิทธิ์ซื้อหุ้นเอไอเอส 5% แรก

’สิงเทล‘หนุนกัลฟ์ควบอินทัช บุ๊กกำไร 1 หมื่นล้านบาท พร้อมรับหุ้น NewCo 9% และมีสิทธิ์ซื้อหุ้นเอไอเอส 5% แรก รวมทั้งพิจารณาอนุมัติเงินปันผลพิเศษของเอไอเอส 4.50 บาทต่อหุ้น

สิงเทล (Singtel) บริษัทโทรคมนาคมรายใหญ่ของสิงคโปร์ประกาศสนับสนุนการควบรวมกิจการระหว่าง“อินทัช โฮลดิ้งส์” และ“กัลฟ์” ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของอินทัช และมีการตั้งบริษัทใหม่ (NewCo) เพื่อเป็นผู้นำด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลและพลังงานในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ปัจจุบัน สิงเทลถือหุ้นในอินทัช 24.99% ขณะที่กัลฟ์ถือหุ้นในอินทัช 47.37% และอินทัชถือหุ้นในเอไอเอส 40.44% ทั้งสามบริษัทนี้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งการควบรวมกิจการครั้งนี้จะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการถือหุ้นอย่างมีนัยสำคัญ

สิงเทลจะได้รับหุ้นประมาณ 9% ใน NewCo หลังตากการควบรวมครั้งนี้ ซึ่งคาดว่า NewCo จะกลายเป็นหนึ่งในบริษัทจดทะเบียนที่ใหญ่ที่สุดและมีสภาพคล่องมากที่สุดในประเทศไทย ซิงเทลจะบันทึกกำไรประมาณ 400 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์จากการควบรวมนี้ หลังจากการทำธุรกรรมเสร็จสิ้น

หลังจากนี้ สิงเทลจะประเมินทางเลือกสำหรับการถือหุ้นใสิขณะที่และยังคงเป็นนักลงทุนระยะยาวในประเทศไทย ควบคู่ไปกับการจัดการเงินทุนอย่างเชิงรุกเพื่อสร้างมูลค่าให้ผู้ถือหุ้นตามกลยุทธ์ Singtel28

จากการควบรวมกิจการครั้งนี้ ทำให้ซิงเทลบันทึกกำไรประมาณ 400 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ1 หมื่นล้านบาท) จากการควบรวมนี้ และได้รับหุ้นใน NewCo  ประมาณ 9% แทนที่การถือหุ้นในอินทัช พร้อมกับโอกาสทางธุรกิจของ NewCo ในอนาคตที่คาดว่าจะเป็นหนึ่งในบริษัทจดทะเบียนที่ใหญ่ที่สุดและมีสภาพคล่องสูงสุดในประเทศไทย

หลังจากการทำธุรกรรมเสร็จสิ้น สิงเทลมีแผนที่จะประเมินทางเลือกสำหรับการถือหุ้นใน NewCo โดยยังคงลงทุนระยะยาวในประเทศไทย และมีการจัดการเงินทุนเพื่อสร้างมูลค่าให้ผู้ถือหุ้นตามกลยุทธ์ Singtel28

นายอาเธอร์ ลัง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินกลุ่มของสิงเทลกล่าวว่า สิงเทลและกัลฟ์ได้ทำงานร่วมกันมาหลายปีเพื่อปรับโครงสร้างการถือหุ้นของอินทัชให้ง่ายขึ้นซึ่งจะเป็นประโยชน์สูงสุดต่อทุกฝ่าย โดยซิงเทลพอใจที่จะถือหุ้นโดยตรงในบริษัทร่วม และมองว่าการควบรวมนี้เป็นทิศทางที่ถูกต้อง นอกจากนี้จะมีการพิจารณาอนุมัติเงินปันผลพิเศษ 4.50 บาทต่อหุ้นและซิงเทลมีโอกาสเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นโดยตรงในเอไอเอสจาก 23.3% ผ่านธุรกรรมนี้

นายลังยืนยันว่าเอไอเอสเป็นแบรนด์และธุรกิจที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ สิงเทลจะเข้าร่วมในการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์โดยสมัครใจแบบมีเงื่อนไขกับกัลฟ์ อินทัช และนายสารัชถ์ รัตนาวะดี ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของกัลฟ์ เพื่อซื้อหุ้นที่เหลือทั้งหมดในส่วนของหุ้นที่ซื้อขายอย่างเสรีของเอไอเอสในราคา 216.3 บาทต่อหุ้น 

โดยสิงเทลได้รับสิทธิ์ซื้อหุ้นเอไอเอส 5% แรกที่มีการเสนอขายและจำนวนหุ้นสูงสุดที่ซิงเทลสามารถซื้อได้จะไม่เกิน 10% ของหุ้นทั้งหมดในเอไอเอส

"ประเทศไทยเป็นตลาดสำคัญในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สำหรับซิงเทลมาตั้งแต่เราเริ่มลงทุนในเอไอเอสเมื่อ 25 ปีที่แล้ว เราเห็นศักยภาพการเติบโตที่ดีจากการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลอย่างรวดเร็วและการใช้งาน 5G ในประเทศ รวมถึงการกลับมาสู่โครงสร้างที่ยั่งยืนมากขึ้นของอุตสาหกรรมโทรศัพท์มือถือ เราคาดว่าเอไอเอสจะเสริมสร้างจุดยืนให้แข็งแกร่งขึ้นในระหว่างการหลอมรวมบริการอินเทอร์เน็ตบ้านและมือถือเพื่อให้บริการดิจิทัลที่ครอบคลุมมากขึ้น เราจะยังคงลงทุนในเอไอเอสร่วมกับพันธมิตรไทยของเราเพื่อช่วยเร่งการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลของประเทศไทย" ลังกล่าวเสริม

สิงเทลคาดว่าเศรษฐกิจดิจิทัลของไทยจะมีสัดส่วน 30% ของ GDP ประเทศภายในปี 2570 และอัตราการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลที่รวดเร็วในประเทศ เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญทั้งในภาคผู้บริโภคและองค์กร ซึ่งเอไอเอสจะได้รับประโยชน์จากแรงสนับสนุนเหล่านี้ หลังจากการซื้อกิจการของ 3BB ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ซึ่งเสริมความแข็งแกร่งให้เอไอเอสอย่างมาก

อย่างไรก็ดี สิงเทลคาดว่าธุรกรรมนี้จะเสร็จสิ้นภายในไตรมาสที่ 2 ของปี 2568 โดยขึ้นอยู่กับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแล และได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นของอินทัชและกัลฟ์ พร้อมกับการบรรลุเงื่อนไขและข้อตกลงการควบรวมกิจการทั้งหมด