หุ้น GUNKUL นิวโลว์รอบเกือบ 4 ปี ผู้บริหารยืนยันรายได้ยังขยายตัว

หุ้น GUNKUL นิวโลว์รอบเกือบ 4 ปี ผู้บริหารยืนยันรายได้ยังขยายตัว

หุ้น GUNKUL ปรับลง 17% ใน 2 วัน เป็นจุดต่ำสุดรอบราว 3 ปี 8 เดือน ฟากผู้บริหารยัน Adder โรงไฟฟ้าทยอยหมดไม่กระทบร้ายแรง เหตุมีโครงการใหม่เข้าชดชดเชย ย้ำรายได้เฉลี่ยถึงปี 73 ขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 10%

ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวหุ้น บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL ปรับลงชัดเจนต่อเนื่องนับแต่วานนี้ (23 ก.ค. 2567) ราคาปิด 2.26 บาท ลดลง 0.20 บาท เปลี่ยนแปลง 8.13% มูลค่าซื้อขาย 104.76 ล้านบาท และวันนี้ (24 ก.ค. 2567) ปิด 2.04 บาท ลดลง 0.22 บาท เปลี่ยนแปลง 9.73% มูลค่าซื้อขาย 213.90 ล้านบาท

รวม 2 วันทำการลดลงกว่า 17.07 % อีกทั้งที่ระดับราคาปิดล่าสุดยังถือเป็นจุดต่ำสุดนับแต่ เดือน พ.ย. ปี 2563 

โดยหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้ามีปัจจัยลบจากความผิดหวังกรณีกระทรวงพลังงานเตรียมวางแนวทางตรึงค่าไฟฟ้างวด ก.ย. - ธ.ค. 67 ตามอัตราปัจจุบันที่ 4.18 บาทต่อหน่วย 

พลิกผันจากที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดรับฟังความเห็นประชาชน วันที่ 12 – 26 ก.ค. 2567 ประเด็นช่วงปลายปี 2567 อาจจะต้องปรับเพิ่มค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่าเอฟที) ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าเรียกเก็บในงวด ก.ย. – ธ.ค. 2567 จะเพิ่มขึ้นเป็น 4.65-6.01 บาทต่อหน่วย 

ขณะที่ GUNKUL เองก็กำลังจะทยอยหมด Adder ตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าแต่ช่วงปีต้นปี 2570
 

นางสาวโศภชา ดำรงปิยวุฒิ์ ประธานกรรมการบริหาร  GUNKUL เปิดเผยว่า ตามที่สัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าที่มีส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (Adder) จะเริ่มทยอยหมดอายุลงตั้งแต่ช่วงปีต้นปี 2570 จะไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อบริษัทเนื่องจากจะมีโครงการโรงไฟฟ้าโครงการใหม่เข้ามาชดเชย ซึ่งจะเริ่มเปิดดำเนินการขายไฟในเชิงพาณิชย์ (COD) ในปลายปี 2569

บริษัทยังมีโครงการ Solar, โครงการพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินร่วมกับระบบกักเก็บพลังงาน (Solar+BESS) และโครงการพลังงานลม (Wind) ที่จะทยอย COD ในปี 2569, ปี 2571, ปี 2572 และปี  2573 ตามลำดับ สามารถชดเชยรายได้จากผลกระทบของ Adder โครงการพลังงานลมแล้ว ยังช่วยเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทให้สามารถเติบโตเฉลี่ยแบบ Double-Digit ได้อีกด้วย

อีกทั้งโครงการพลังงานหมุนเวียนแบบ FiT ที่ประมูลได้ทั้ง 17 โครงการรวม 832.4 เมกะวัตต์  คาดว่าจะช่วยหนุนรายได้ปี 2573 ให้เติบโตเพิ่มขึ้นอีก 5,000 ล้านบาท และ EBITDA เติบโตเพิ่มขึ้นอีก 4,200 ล้านบาท