ตลท.จ่อ‘เอ็มโอยู’ใช้กม.เข้ม สกัดแก๊งปั่นหุ้นดีเดย์ส.ค.นี้
“ประธานตลท.” เผยจ่อ “เอ็มโอยู” ครั้งใหญ่เดือนส.ค. นี้ ผนึก “ก.ล.ต.-ปปง.” เดินหน้าบังคับใช้กฎหมายเข้มเต็มสูบ หวังเอาผิดลงโทษ “แก๊งปั่นหุ้น-ตกแต่งงบดุล” ยึดทรัพย์ก่อนตรวจสอบ พร้อมตั้งคณะทำงานพิเศษ -ใช้เอไอ และตรวจสอบงบการเงิน รายงานข้อมูลเร็วและแจ้งเตือนนักลงทุน
ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ (24 ก.ค.2567) ลดลง 3.45 จุด มาอยู่ที่ 1,298.08 จุด แต่หากนับตั้งแต่ต้นปี2567 จนถึงตอนนี้ ตกลงหนัก -115 จุด ย่อตัวลงลึกกว่าพื้นฐาน จากสารพัดปัจจัยกดดันไม่สิ้นสุด ทั้งปัจจัยการเมืองในประเทศ การดำเนินนโยบายต่างๆ ของรัฐบาลที่เลื่อนออกไป โดยเฉพาะกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน หรือ Thailand ESG Fund (TESG) รวมถึงประเด็นล่าสุด การเลื่อนชำระเงินในตั๋วบี/อี กดดันดัชนีฯ ผันผวน และย่อตัวลงลึก ยิ่งบั่นทอน “ความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดหุ้นไทย”
ศาสตราจารย์พิเศษ กิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์ ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลท.ไม่ได้นิ่งนอนใจในสถานการณ์และบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย โดยปัจจุบันกำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการ และจะมีการลงนามความร่วมมือ (MOU) ในการบังคับใช้กฎหมายทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เป็นต้น คาดว่าจะมีความร่วมมือเกิดขึ้นภายในเดือนส.ค. 2567 นี้
“ผมได้ย้ำชัดเจนตั้งแต่แรกแล้วว่า จะประสานความร่วมมือกับทุกฝ่าย ทุกหน่วยงานในการสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุนให้กลับมาในตลาดหุ้น ทั้งในเรื่องการของบังคับใช้กฎหมาย หากต้องแก้กฎหมายและต้องดำเนินการให้เร็ว การคุ้มครองนักลงทุนให้มีความเท่าเทียม รวมไปถึงการสร้างความโปร่งใสในการประกอบกิจการของบริษัทจดทะเบียน (บจ.)”
อย่างไรก็ตาม การสร้างความเชื่อมั่นตลาดทุนไทย หากจะมีความเข้มข้นระดับญี่ปุ่น “ฟ้องเลย” โดยจัดตั้งคณะทำงานพิเศษขึ้นมาดูโดยเฉพาะ เรื่องแบบนี้ยิ่งทำได้เร็วยิ่งดี เพราะปกติแล้ว ตลท. ส่งเรื่อง รายงานข้อมูลต่างๆ ให้ ก.ล.ต. รวมเร็วอยู่แล้ว แต่ตอนนี้กำลังหารือกันว่าจะนำเอาข้อมูลที่ไม่ต้องทำซ้ำกันมาแลกเปลี่ยนกัน
ศาสตราจารย์พิเศษกิติพงศ์ กล่าวต่อว่า สำหรับมาตรการของตลท. ที่ต้องทำทันที คือ “การลงโทษพวกปั่นหุ้นให้รวดเร็วขึ้น” และ “พวกที่โกงงบดุล” ซึ่งตลท. จะใช้ข้อมูลเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาตรวจสอบงบการเงิน โดยจะมีการจัดตั้ง “ทีมพิเศษ” เข้ามาดำเนินการโดยเฉพาะเช่นกัน หากบริษัทใดที่น่าสงสัย ตลท.จะมอนิเตอร์อย่างใกล้ชิด พร้อมกับเตือนนักลงทุนโดยทันที
“ผมเชื่อว่า ถ้าหากเราประกาศใช้มาตรการนี้ขึ้นมพวกปั่นหุ้นต้องกลัวแน่ เพราะผมจะยึดเงินก่อน ถ้า ปปง.ยึดเงินก่อนพวกนี้ก็เหนื่อยแล้ว ซึ่งการจัดกการกับกลุ่มปั่นหุ้นและตกแต่งบัญชี ร่วมกันจากหลายกลุ่ม ทำให้การตรวจสอบยากขึ้นเรื่อยๆ เราจึงต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายภาคส่วนในครั้งนี้ เข้ามาช่วยกันแก้ไข และเพิ่มมาตรการป้องกันให้เข้มข้นขึ้น”
นอกจากนี้ การขึ้นทะเบียนผู้ลงทุนที่ส่งคำสั่งซื้อขายด้วยความเร็วสูง (HFT ) เท่าที่รับรายงานขณะนี้มีการตอบรับที่ดีและปริมาณการชอร์ตเชลลดลง แต่อย่างไรก็ตามยังต้องติดตามผลเพื่อประกอบการก่อนตัดสินใจ หากมีความจำเป็นคงต้องยกระดับมาตรการเข้มงวดเพิ่มขึ้นอีกได้