IPO ชะงักเข้าระดมทุน ที่ปรึกษาฯ คาดครึ่งปีหลังบจ.ใหม่พลาดเป้า
“ฟินันเซีย ไซรัส” ชี้ความเชื่อมั่นลงทุนกระทบตลาดไอพีโอ “เสี่ยงต่ำจอง” ผู้จัดจำหน่ายขายยากขึ้น “แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์” ระบุปัจจัยลบสะสมรวมถึงเคส “มอร์-สตาร์ค-อีเอ” ทำนักลงทุนเสียหายทั้งเชิงจิตวิทยาและเม็ดเงินจมขาดทุน “เมย์แบงก์” คาดหุ้นใหม่ชะงักรอเศรษฐกิจฟื้น
นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟินันเซีย ไซรัส ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินหรือ FA เปิดเผย ถึงสถานการณ์ตลาดไอพีโอว่า กลับมาได้รับผลกระทบจากภาวะตลาดหุ้นและประเด็นหุ้นรายตัวที่กระทบความเชื่อมั่นส่งผลทำให้บรรยากาศระดมทุนไม่เอื้อจนต้องตัดสินใจเลื่อนบริษัทไอพีโอออกไปในช่วงนี้
สำหรับ แนวโน้มหากระดมทุนในช่วงนี้มีความเสี่ยงทั้งผู้ลงทุนที่มองว่าราคาหุ้นไอพีโอมีความเสี่ยงเพิ่มสูงขึ้น เพราะหุ้นในตลาดหุ้นราคาต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐานจำนวนมาก ทำให้ไม่จะเป็นต้องมาเสี่ยงกับหุ้นใหม่ อย่างไอพีโอที่อาจจะต่ำจองได้
ขณะที่ ด้านโบรกเกอร์ที่เข้ามารับเป็นผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ หรือ Underwriter มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นหากขายหุ้นไม่หมดก็ต้องรับเข้าพอร์ตแล้วต้องไปบริหารขายคืนที่หลัง ซึ่งการขายหุ้นไม่หมดมาจากราคาหุ้นไอพีโอที่เกิดได้ทุกกรณี ทั้งราคาสูงไป หรือราคาถูกแล้วแต่จังหวะตลาดหุ้นไม่เอื้อยิ่งขนาดบริษัทใหญ่ยิ่งมีความเสี่ยงเพิ่มหากไม่มีกลุ่มสถาบันเข้ามาสนใจลงทุน
“ตลาดหุ้นที่ขึ้นไม่เยอะแต่ลงได้ลึกและซึมไปแบบนี้ ราคาไอพีโอมีผลเพราะของถูกเต็มตลาดหุ้นก็ไม่จำเป็นลงทุนไอพีโอ หรือราคาหุ้นเจ้าของยอมดีสเคานต์แต่ไปเทียบกับกลุ่มธุรกิจเดียวกันเกิดปัญหาทำให้การเสนอขายหุ้นไอพีโอได้ยากในช่วงนี้ทางที่ดีชะลอออกไปก่อน”
อย่างไรก็ตามเมื่อตลาดหุ้นมีสัญญาณดี หุ้นไอพีโอไม่จำเป็นต้องรอปัจจัยหนุนที่ชัดเจนเพราะปัจจุบันปัจจัยสามารถเปลี่ยนแปลงได้รวดเร็วมาก
นายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด ที่ปรึกษาทางด้านการเงิน เปิดเผยว่า ตลาดทุนไทยขาดความเชื่อมั่นสะสมนับตั้งแต่กรณี บมจ.มอร์ รีเทิร์น (MORE), บมจ.สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น (STARK) และล่าสุด บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) สร้างความเสียหายให้กับนักลงทุนทั้งในแง่จิตวิทยา และในแง่เงินลงทุนที่สูญเสียไป
โดยบรรยากาศตลาดไอพีโอได้รับผลกระทบเชิงลบตั้งแต่จากมหภาคระดับเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจในประเทศ ในขณะที่นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลก็ยังไม่สามารถฟื้นความมั่นใจในระบบเศรษฐกิจได้
ฝั่งเจ้าของธุรกิจก็ไม่กล้าตัดสินใจเลือกจังหวะเข้ามาระดมทุนที่ชัดเจนได้ เนื่องจากไม่ต้องการขายหุ้นไอพีโอในขณะที่ทั้งตลาดหุ้นเต็มไปด้วยหุ้นที่ราคาถูกซึ่งจะทำให้การตั้งราคาขายไอพีโอในระดับสูงตามต้องการแทบเป็นไปไม่ได้
ประเมินครึ่งปีหลัง 2567 จำนวนไอพีโอที่จะเข้าทั้ง SET และ mai น้อยกว่าครึ่งปีแรกที่มีราว 17 ราย เชื่อว่าหลายบริษัทอยู่ระหว่างตัดสินใจอาจเลื่อนแผนเข้าตลาดหุ้น ขณะที่ บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด มีดีลไอพีโอที่ได้ปรับสถานะ Approve และรอขายแล้ว 3-4 ดีล และจะมีการยื่นไฟลิ่งเพิ่มเติมในครึ่งปีหลังอีก 4-5 ดีล
บริษัทจะมุ่งเน้นการเดินสายประชาสัมพันธ์ (โรดโชว์) ต่อผู้สนใจลงทุนให้มากขึ้นให้นักลงทุนเข้าใจพื้นฐานกิจการที่เสนอขายไอพีโออย่างถ่องแท้เพื่อการตัดสินใจลงทุนระยะยาวได้อย่างเข้าใจ
“ตลาดไอพีโอครึ่งปีหลังไม่ดีหรอก สิ่งที่จะทำให้บรรยากาศไอพีโอกลับมาดีขึ้นอยู่กับกำลังซื้อของผู้ลงทุนก่อนอันดับแรก ส่วนความเชื่อมั่นก็สำคัญถ้าภาคเศรษฐกิจฟื้นคนก็จะกล้าลงทุนยาวขึ้น”
นางสาวนลิน วิริยะเสถียร กรรมการผู้จัดการฝ่ายวาณิชธนกิจ บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะผู้จัดการจำหน่ายไอพีโอ หรือ Underwriter เปิดเผยว่า จากภาวะตลาดหุ้นไทยผันผวนทำให้บริษัทที่วางแผนระดมทุนไอพีโอโดยเฉพาะรายที่ได้รับ Approve แล้วอาจตัดสินใจเลื่อนการเข้าจดทะเบียน
แต่เป็นการเลื่อนเฉพาะช่วงจังหวะปัจจุบันเพื่อรอดูสถานการณ์เท่านั้น ไม่ได้เลื่อนปรับแผนถึงขนาดว่าจะไม่เข้าตลาดหุ้นในครึ่งปีหลัง
การระดมทุนมีความลำบากมากขึ้น ในมุมของผู้จัดจำหน่ายก็จำเป็นจะต้องคัดสรรหุ้นที่พื้นฐานดีให้มากกว่าเดิม และเป็นธุรกิจปลอดความเสี่ยงจากภาวะที่ไม่แน่นอน มีภาพการเติบโตสูงของกำไร ส่วนการตั้งราคาขายต้องเหมาะสมกับสภาวะตลาดด้วย
สำหรับจำนวนไอพีโอที่คาดจะเข้าครึ่งปีหลังมั่นใจจะมากกว่าครึ่งปีแรกด้วยความคาดหวังเศรษฐกิจปลายปีจะฟื้นตัวดีขึ้น ซึ่งบริษัทคาดนำไอพีโอระดมทุนเข้าตลาดหุ้นไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้ 2-3 ราย
“ตลาดกำลังอ่อนไหว ตอนนี้ต้องพยายามทำความเข้าใจกับผู้ออกหลักทรัพย์จะไม่ตั้งราคาที่มี Premium มากเกินไป และการทำประชาสัมพันธ์เป็นเรื่องที่สำคัญมาก ต้องพยายามสื่อสารถึงนักลงทุนให้เข้าใจความน่าสนใจของธุรกิจให้ได้”