หุ้นไทยวันนี้ (14 ส.ค.) ปิดตลาดลบ 5.10 จุด กังวลสุญญากาศการเมือง

หุ้นไทยวันนี้ (14 ส.ค.) ปิดตลาดลบ 5.10 จุด กังวลสุญญากาศการเมือง

“ตลาดหุ้นไทย” วันนี้ (14 ส.ค. 67) ปิดตลาดเย็นอยู่ที่ 1,292.69 จุด ลบ 5.10 จุด หรือ 0.39% โบรกฯ ชี้ หุ้นไทยดิ่งหนัก กังวลสุญญากาศการเมือง หลัง “เศรษฐา” หลุดเก้าอี้นายกฯ​ คาดพรุ่งนี้ดัชนีฯ ซึมรอเปิดสภาฯ​ เลือกนายกฯ

ความเคลื่อนไหวดัชนีตลาด “หุ้นไทยวันนี้” วันนี้ (14 ส.ค. 67) ปิดตลาดอยู่ที่ 1,292.69 จุด ลบ 5.10 จุด หรือ 0.39% โดยดัชนีตลาดหุ้นไทยผันผวนในทิศทางปรับตัวขึ้นลงตลอดทั้งวันซึ่งทำจุดต่ำสุดวันนี้อยู่ที่ 1,280.99 จุด และสูงสุดอยู่ที่ 1,306.88 จุด มูลค่าซื้อขาย 53,322.88 ล้านบาท

หุ้นไทยวันนี้ (14 ส.ค.) ปิดตลาดลบ 5.10 จุด กังวลสุญญากาศการเมือง ภาวะหุ้นไทยวันนี้ (14 ส.ค. 2567)

หุ้นที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด 5 ลำดับแรก ได้แก่

  1. CPALL มูลค่า 6,630.92 ล้านบาท ราคาหุ้นอยู่ที่ 34.25  บาท ลดลง 2.75 บาท หรือ 4.74%
  2. PTT มูลค่า 2,444.66 ล้านบาท ราคาหุ้นอยู่ที่ 101.50 บาท ลดลง 0.50 บาท หรือ 1.46%
  3. AOT มูลค่า 1,650.76 ล้านบาท ราคาหุ้นอยู่ที่ 58.00 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง   
  4. BDMS มูลค่า 1,601.62 ล้านบาท ราคาหุ้นอยู่ที่ 147.50  บาท ลดลง 0.75 บาท หรือ 2.70%      
  5. GULF มูลค่า 1,292.26 ล้านบาท ราคาหุ้นอยู่ที่ 10.20 บาท ลดลง 0.50 บาท หรือ 1.05%   

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยช่วงบ่ายพลิกติดลบจากผลการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญทำให้นายเศรษฐา ทวีสิน พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

“การที่นายกฯ หลุดออกจากเก้าอี้หมายความว่าการเมืองไทยจะอยู่ในสุญญากาศ ดังนั้นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจก็จะล่าช้าออกไปด้วย”

สิ่งต่อไปที่ควรติดตามคือจับตาว่าจะมีการเปิดประชุมสภาฯ เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่เมื่อใดและนายกฯ ที่ได้จะยังมาจากพรรคเพื่อไทยหรือไม่ เพราะหากไม่มาจากพรรคเพื่อไทยอาจส่งผลให้นโยบายดิจิทัลวอลเล็ตต้องยุติไป โดยคาดว่าดัชนีฯ พรุ่งนี้จะซึมลงอยู่ในกรอบแนวรับ 1,270 - 1,280  จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,300-1,305 จุด

สำหรับคำแนะนำในการลงทุนช่วงนี้ นายอภิชาติ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้แนะนำให้ถือเงินสดดังนั้นช่วงนี้ควรนำเงินไปลงทุนได้แล้ว โดยกลุ่มที่แนะนำคือกลุ่ม Defensive อย่างหุ้นโรงพยาบาลและสื่อสาร คือ BEM BDMS BH ADVANC ส่วนนักลงทุนที่ต้องการเก็งกำไรสิ้นปีและมองข้ามความปั่นป่วนทางการเมืองคือ SCB และ TTB