'ดร.นิเวศน์' วิเคราะห์ 'ตลาดหุ้นไทย' เริ่มมีความหวัง หลัง 'ทักษิณ' ดึง 'กองทุนวายุภักษ์' หนุนดัชนี
'ดร.นิเวศน์' วิเคราะห์ 'ตลาดหุ้นไทย' เริ่มมีความหวัง หลัง 'ทักษิณ' ดึง 'กองทุนวายุภักษ์' หนุนดัชนี Valuation จะดีขึ้น เมื่อตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นไปแล้วจะไม่ลง
นับตั้งแต่ 'แพทองธาร ชินวัตร' รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 เมื่อวันที่ 18 ส.ค.2567 ที่ผ่านมา ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยตอบรับเชิงบวกทันทีต่อเนื่องกันตลอดทั้งสัปดาห์ปรับขึ้นกว่า 50 จุด
และยิ่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับตลาดหุ้นไทยขึ้นไปอีก เมื่อ 'ทักษิณ ชินวัตร' อดีตนายกรัฐมนตรี คนที่ 23 ขึ้นโชว์วิสัยทัศน์เกี่ยวกับปัญหาเศรษฐกิจไทยบนเวทีงาน Dinner Talk Vision for Thailand 2024 เมื่อวันที่ 22 ส.ค.2567 ซึ่งช่วงหนึ่งได้กล่าวถึงการฟื้นฟูตลาดหุ้นไทย โดยการขยายกองทุนวายุภักษ์เพื่อใช้เป็น TREASURY STOCK สำหรับหุ้นใน SET50-SET100 เพื่อเป็นการเรียกความเชื่อมั่นต่อตลาดหุ้นไทยกลับคืนมา
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร นักลงทุนเน้นคุณค่า ให้สัมภาษณ์กับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า ในช่วงที่ผ่านมาต่างชาติมีการขายออก ความต้องการเฉพาะจากแหล่งที่ใหญ่ๆ ไม่ค่อยมี กองทุนหุ้นในบ้านเราก็น้อยลงไปเรื่อย ๆ เนื่องจากคนไม่ค่อยยอมไปลงทุน เพราะหุ้นไทยไม่น่าสนใจ และถ้า 'กองทุนวายุภักษ์' กองทุนใหญ่ มีนโยบายที่ค่อนข้างถือยาว โดยการใช้หลัก fundamental โดยหากกองทุนวายุภักษ์เล็งเห็นว่า หุ้นตัวใดถูกก็จะเข้ามาซื้อ ทำให้นักลงทุนเกิดความมั่นใจว่า แท้จริงแล้วหุ้นไทยมีความน่าสนใจในการลงทุนระยะยาว ดังนั้นในลักษณะนี้จะทำให้ Valuation จะดีขึ้น เมื่อดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นไปแล้วจะไม่ลง
ขณะที่นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ที่เข้ามาบริหารประเทศในครั้งนี้ มีการอยู่กับพรรคผู้นำในการบริหารประเทศเป็นหลัก บวกกับได้รับการสนับกับพรรคเพื่อไทยเต็ม 100% ซึ่งถือว่าไม่ใช่คนใหม่ และการฟอร์มรัฐบาลเป็นไปได้ด้วยดี มีโอกาสที่จะบริหารประเทศได้นานขึ้น และเริ่มมีนโยบายต่าง ๆ ที่น่าสนใจในการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างจริงจัง ซึ่งมียุทธศาสตร์ประเทศอย่างชัดเจนว่าจะเดินไปอย่างไร
โดยการบริหารประเทศครั้งนี้ มีการตุ้นเศรษฐกิจทั้งระยะสั้นในการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าไป รวมถึงในระยะยาวที่ต้องการบริหารประเทศให้ยั่งยืนและเติบโตสูงขึ้นตามศักยภาพ และเป็นที่ยอมรับของนานาชาติ ตรงนี้ถือเป็นความหวัง
ทั้งนี้ในระยะสั้นสะท้อนมาจากดัชนีหุ้นไทยที่มีการปรับขึ้นมาค่อนข้างแรงตั้งแต่ แพทองธาร ชินวัตร ขึ้นมารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งถือว่าเซอร์ไพรส์ เพราะเดิมทีคิดว่า ในช่วงการเมืองที่มีการเปลี่ยนแปลงรุนแรงอย่างไม่คาดคิด แต่พอได้เห็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่มาแทน มีการได้เข้ามาดูในทุกภาคส่วน และเข้ามาสนับสนุนเข้าไปพยายามในการให้ความเห็นต่าง ๆ และได้มีการรับฟังความคิดเห็นที่ดี
เพราะฉะนั้น จึงหวังว่า ในการเปลี่ยนรัฐมนตรี เป็น แพทองธาร ชินวัตร ในครั้งนี้จะสามารถพัฒนาประเทศต่อเนื่องไปได้อย่างยั่งยืนจะทำให้หุ้นไทยหลุดจากเทรนด์ที่นิ่งมากกว่า 10 ปี ซึ่งคล้ายกับประเทศญี่ปุ่นที่ช่วงหนึ่งมีการเปลี่ยนแปลงรุนแรงในระดับรัฐบาลได้ผู้นำที่ประเทศต้องการความเปลี่ยนแปลงและทำให้ตลาดหุ้นญี่ปุ่น และเศรษฐกิจญี่ปุ่นเริ่มมีความคึกคับ มีชีวิตชีวาขึ้น และหวังว่า อยากเห็นในตลาดหุ้นบ้านเราจะกลับมาดีขึ้น เป็นขาขึ้นและอยู่ทนนาน
อย่างไรก็ดี ต้องยอมรับว่า 'ทักษิณ' เคยมีประวัติในการเข้ามาฟื้นฟูความตกต่ำของประเทศในช่วงหลังต้มยำกุ้ง ซึ่งประสบความสำเร็จดี เพราะฉะนั้นกลับมารอบนี้ดูเหมือนกับว่า นักลงทุนทัวไปหรือคนทั่วไป เริ่มรู้สึกว่า ประเทศไทยจะเป็นโอกาสที่สามารถฟื้นตัวขึ้นมาได้ เพราะเคยเห็นผลงานมาก่อนในช่วงหลังต้มยำกุ้ง
แต่ทว่า ในสภาวะช่วงหลังต้มยำกุ้งกับปัจจุบันมีความแตกต่างกัน เพราะช่วงนั้นคนไทยยังไม่สูงอายุ ประชากรมีการเพิ่มขึ้นมามาก ขณะที่เทรนด์การเติบโตด้านการผลิตของไทยในขณะนั้นมีการเติบโตที่ดี คู่แข่งรอบบ้านเรายังไม่มีความพร้อมสักเท่าไร แต่ทว่านาทีนี้สภาวะแวดล้อมแตกต่างกันไม่ค่อยเอื้ออำนวยประชากรเริ่มสูงวัยขึ้น คู่แข่งเริ่มมาก สถานการณ์ของประเทศไทยเริ่มด้อยลง ดังนั้นปัญหาต่าง ๆ จึงเป็นความท้าทายว่าจะสามารถทำได้หรือไม่
อย่างน้อย ณ ขณะนี้ประชาชนมีความหวัง มีความมั่นใจเพิ่มขึ้น หากทำให้เกิดผลเร็ว เช่น ที่กล่าวว่า เมื่ออัดฉีดเงินเข้าไปแล้วจะสามารถทำให้เศรษฐกิจเริ่มเฟื่องฟูขึ้นมา จึงทำให้เกิดโมเมนตัมใหม่ขึ้นมา ตรงนี้จึงต้องจับตามอง และอยากให้ทุกฝ่ายเปิดโอกาส เพื่อให้มีการเดินหน้าต่อไป และหากรัฐบาลมีการบริหารได้ดี โดยไปในสายใหม่ได้ ไม่จมอยู่กับที่เก่า ที่ไม่โตหรือลดลง จึงต้องเปิดโอกาส