‘กูรู’ชี้หุ้นบิ๊กแคปคืนเสน่ห์ รับ ‘ทักษิณ’ ฝากการบ้านถึงรัฐ ‘ฟื้นเชื่อมั่น-ขยายวายุภักษ์’
‘กูรู’ชี้หุ้นบิ๊กแคปคืนเสน่ห์ รับ ‘ทักษิณ’ ฝากการบ้านถึงรัฐ ‘ฟื้นเชื่อมั่น-ขยายวายุภักษ์’ “นักวิเคราะห์” ลุ้นดิจิทัลวอลเล็ตเฟสแรก- กองทุนวายุภักษ์เริ่มปีนี้
หลังจากที่ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตี ปาฐกถาในงาน “Dinner Talk Vision for Thailand 2024” โดยเครือ NATION ซึ่งมีการฝากการบ้านถึงรัฐบาลใหม่ !! โดยช่วงหนึ่งได้กล่าวถึงนโยบายการฟื้นตัวให้ “ตลาดทุน” ที่ปัจจุบันยังคงขาดความเชื่อมั่น ซึ่งมาจากการแก้ไขธรรมาภิบาลที่ช้าเกินไปและไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ ซึ่งมีมุมมองว่าการนำ “กองทุนวายุภักษ์” ช่วยพยุงตลาดทุนในช่วงจังหวะที่ “หุ้นบิ๊กแคป” SET50 และ SET100 ราคาหุ้นปรับ “ลดลงแรง” นอกจากนี้ ยังมี “ปัญหาที่ควรแก้ และสิ่งที่ควรทำไว้ทั้งทั้งหมด 18 ข้อ”
“เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม” รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัยบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส ให้มุมมองว่า สำหรับนโยบายที่ใกล้เคียงการกระตุ้น “เศรษฐกิจ-ตลาดหุ้น” คงต้องยกให้ “ดิจิทัลวอลเล็ต” (เฟสแรก) คาดน่าจะเริ่มได้เร็วเดือนก.ย.นี้ มีความพร้อมทั้งจำนวนผู้ได้รับสิทธิและเม็ดเงินที่จะได้จากงบประมาณ เป็นบวกต่อหุ้นค้าปลีกและ กองทุนภายุภักษ์ หุ้นที่เข้า 3 เงื่อนไข หุ้นใน SET50-SET100 และเป็นหุ้นที่มี ESG Rating ระดับ A ขึ้นไป และเป็นหุ้นที่อยู่ในพอร์ตวายุภักษ์อยู่แล้ว
ส่วนเรื่องที่ต้องใช้เวลาแต่หากทำได้ อย่าง Entertaiment Complex ครบวงจร , รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย,ให้ต่างชาติถือครองที่ดิน และปรับโครงหนี้ แม้ใช้วิธีการรูปแบบเดิม ทำให้ไม่ได้กดดันหุ้นกลุ่มแบงก์ และหนี้เสียดีขึ้น
“ยังเชื่อรัฐบาลใหม่จะเข้าปฏิบัติหน้าที่ประมาณสัปดาห์ที่ 3 ของก.ย. นี้ ดังนั้น คาดจุดพักตัวระยะสั้นของ SET INDEX อยู่ที่บริเวณ 1,345-1,350 จุด จนกว่าจะมีการแถลงนโยบายของครม.ใหม่ หลังจากนั้นหากมีความชัดเจนเรื่องนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตเฟสแรกเกิดขึ้น หนุนดัชนีฯ ขยับขึ้นสู่แนวต้าน 1,450 จุด แต่ความไม่แน่นอนของนโยบายรัฐบาล ยังเป็นความเสี่ยง หากก.ย. นี้ ยังไม่ชัดเจน แต่ดาวน์ไซด์จำกัดแล้ว มองดัชนีฯ มีโอกาสปรับลงมามองแนวรับที่ 1,330 จุด และแกว่งตัวระดับนี้ถึงสิ้นปีนี้”
ทั้งนี้ ภาพตลาดหุ้นไทยผ่านจุดต่ำสุดแล้วและกำลังรอปัจจัยหนุนการฟื้นตัวสูงขึ้น ดังนั้น ระดับดัชนี 1,350 จุดในช่วงนี้ แนะนำให้ลดสัดส่วนการถือครองเงินสด เป็นจังหวะทยอยเข้าลงทุนหุ้นที่ได้ประโยชน์ดังกล่าวได้
“ณัฐชาต เมฆมาสิน” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ เปิดเผยว่า การกระตุ้นตลาดทุนไทยถือว่ามีธงมาก่อนหน้าตั้งแต่ยุค “เศรษฐา ทวีสิน” เป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยนโยบายพรรคเพื่อไทยเดิมทีอยากหากลยุทธเชิงรุกให้กับตลาดทุนมากขึ้น จากที่ตลาดทุน “ซึม” อยู่หลายปี โดยเริ่มเห็นการแก้ไขมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นโรบอตเทรดดิ้ง หรือการช็อตเชล ได้เห็นมาตรการออกมาช่วยเหลือนักลงทุนมากขึ้น
ดังนั้น คาดหลังจากนี้ต้องมีการรุกที่มากขึ้น ซึ่งจะสามารถเร่งสภาพคล่องให้กับมาเหมือนเดิมได้ โดยในช่วงแรกภาครัฐต้องเข้ามาเป็นเจ้าภาพ โดยใช้เม็ดเงินภาครัฐมาในรูปแบบของกองทุนวายุภักษ์ โดยถือว่ามีประโยชน์อย่างแน่นอน แบ่งออกเป็น 2 ทางคือ สภาพคล่องจะทำให้วอลุ่มการซื้อขายคึกคักมากขึ้น และทำให้ตัวหุ้นมีมูลค่ากลับเข้าสู่ระดับยุติธรรมมากขึ้น หลังจากที่ก่อนหน้าปรับลงมาค่อนข้างนาน
โดยกองทุนวายุภักษ์ โดยธรรมชาติแล้วจะไม่ลงทุนที่เสี่ยง และต้องมีผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ หรือเรียกได้ว่า มีความคล้ายคลึงกับพันธบัตร แต่มีการเพิ่มความเสี่ยงได้เล็กน้อย เพราะฉะนั้นการเข้ามาลงทุนในหุ้นบิ๊กแคปที่มี High Yield ซึ่งหนีไม่พ้น “3 เซกเตอร์ใหญ่” ในตลาดหุ้นไทย นั่นคือ หุ้นกลุ่มธนาคาร กลุ่มพลังงาน และกลุ่มไอซีที
“วทัญ จิตต์สมนึก” ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บล.พาย กล่าวว่า ภาพของตลาดหุ้นไทยยังคงคาดหวัง หลังจากที่ “แพทองธาร ชินวัตร” ขึ้นมารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ถือว่ามีทีมงานเข้ามาช่วยหนุนเป็นอย่างดี ตลาดจึงมองไปข้างหน้า เนื่องจากทุกอย่างน่าจะเห็นพัฒนาการที่ดีขึ้นในแง่ของการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปัจจุบันรัฐบาลมีเงินอยู่ 1.4 แสนล้านบาท ถือว่าเป็นก้อนสุดท้ายก่อนที่จะปิดงบในปีนี้ และงบประมาณในรอบใหม่จะเริ่มในเดือนต.ค.67
ทั้งนี้ สิ่งที่ทักษิณอดีตนายกรัฐมนตรีกล่าวว่าจะนำเงิน 1.4 แสนล้านบาท เข้ามาช่วยกลุ่มเปราะบางคนละ 10,000 บาท ซึ่งจะมาช่วยหนุนให้การบริโภคในประเทศไทยเริ่มดีขึ้น ดังนั้น ในภาพระยะสั้นเศรษฐกิจไทยไตรมาส 3- 4 ปี 2567 จะเห็นพัฒนาการได้ดีอย่างแน่นอน และหลังจากที่ได้งบประมาณก่อนใหม่ในเดือนต.ค.67 รัฐบาลจะนำเงินก้อนใหม่ไป “กระตุ้นเศรษฐกิจ” ซึ่งถือว่าเป็นตัวหนุนให้ดีขึ้นได้อีก ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยตอบรับ “เชิงบวก” ด้วย
สำหรับ กองทุนวายุภักษ์เป็นบวกกับตลาดทุนแน่นอนจะทำให้เม็ดเงินไหลเข้ามามากขึ้น โดยกลุ่มที่ได้รับประโยชน์ ยังคงเป็นหุ้นขนาดใหญ่ SET50 SET100 โดยเฉพาะหุ้นที่กระทรวงการคลังถืออยู่จะได้รับประโยชน์
อย่างไรก็ดี สิ่งที่ ทักษิณพูดมาหนึ่งประโยคค่อนข้างน่าสนใจ หากหุ้นไทยมีการปรับลงมาแล้วมีราคาถูกจนเกินไปกองทุนวายุภักษ์จะทำให้ที่คอยพยุงให้ นั่นแสดงว่า ผู้จัดการกองทุนวายุภักษ์มองว่าหุ้นตัวใดอยู่ในจุดที่ค่อนข้างถูก ซึ่งมองกลุ่มแบงก์ที่มีความน่าสนใจ ยังแลกการ์ดอยู่ปรับขึ้นไม่ค่อยมาก และได้รับประโยชน์จากเศรษฐกิจที่ดีขึ้นทำให้การตั้งสำรองและทิศทาง NPL ดีขึ้น ขณะที่ Valuation ของกลุ่มแบงก์ค่อนข้างถูกยังต่ำบุคแวลูอยู่ เช่น BBL, KBANK เป็นต้น
“รัฐศักดิ์ พิริยะอนนท์” ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า โดยรวมเรามองเป็นบวกกับนโยบายที่ท่านอดีตนายกฯ ทักษิณ พูดเสนอในงาน Vision for Thailand โดยเฉพาะวิสัยทัศน์ในหัวข้อ
1.ประเมินนโยบายให้ต่างชาติเช่าที่ดิน 99 ปี จะเป็น “บวก” กับ “กลุ่มอสังหาริมทรัพย์” เนื่องจากเป็นการเพิ่มอุปสงค์การซื้อที่อยู่อาศัยและทำธุรกิจจากต่างชาติ
2.นโยบายแก้หนี้ ผ่านการลด FIDF เพื่ออุดหนุนหรือจัดตั้ง AMC เพื่อบริหารจัดการวิกฤตหนี้ครัวเรือน มองเป็น “บวก” กับ “กลุ่มธนาคารและกลุ่มการเงิน” เนื่องจากถือเป็นการช่วยเหลือภาคประชาชนที่ยังมีหนี้อยู่ในระดับสูงและยังมีปัญหาการฟื้นตัวกลับมาหลังสถานการณ์โควิด-19 แล้วยังเป็นการช่วยภาคธนาคารและการเงิน
ประเด็นเรื่อง cost of fund ที่ลดลง และคุณภาพสินทรัพย์ฟื้นตัวขึ้น ซึ่งนโยบายนี้เคยมีการนำมาใช้แล้วเช่นเดียวกับที่เคยบริหารจัดการในลักษณะเดียวกันกับวิกฤตหนี้ภาคธุรกิจและการเงินในสมัย 2540 แต่ในรอบนี้เป็นวิกฤตหนี้ภาคครัวเรือน
3 นโยบายดึงเศรษฐกิจใต้ดินขึ้นมาบนดิน ผ่านการลงทุน Entertainment complex มองเป็นบวกกับกลุ่มที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว โรงแรม (AWC) กลุ่มเดินทางขนส่ง (BTS) สายการบิน (BA) ก่อสร้าง (STEC) และกลุ่มสื่อ (VGI และ ROCTEC) โดยเชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวต่างชาติรวมถึงคนไทยหันมาเที่ยวประเทศไทยเพิ่มขึ้น อีกทั้งภาครัฐสามารถจัดเก็บภาษีได้มากขึ้นจากเดิมที่หลายประเภทธุรกิจมีการหลบหลีกเพื่อดำเนินการและไม่ได้เข้าสู่ระบบเสียภาษี
ด้านมุมมองดัชนีตลาดไทยโดยรวมคาดมีแนวโน้มฟื้นตัวตามภาพรวมเศรษฐกิจต่อ สำหรับระยะสั้น มีโอกาสปรับขึ้นต่อแนวต้านแรก 1,370 จุด และแนวต้านถัดไปสิ้นปีนี 1,400-1,450 จุด