"ภากร" เชื่อมั่นหุ้นไทยขาขึ้นจริง รับนโยบายเศรษฐกิจชัด

"ภากร" เชื่อมั่นหุ้นไทยขาขึ้นจริง รับนโยบายเศรษฐกิจชัด

“ภากร” เปิดเวที Thailand Focus 2024 มั่นใจหุ้นไทยขาขึ้นของจริง หลังนโยบายเศรษฐกิจชัด- คลังดันจีดีพี-ความไม่มั่นใจการเมืองลด ลุ้นตลาดขาขึ้นต่อเนื่องที่จากถูกผลกระทบดันราคาหุ้นต่ำสุดรอบ 5 ปี สวนทางกำไรบจ.รอบ 6 เดือนไโตสูงสุดนับจากโควิด

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวถึงการนำเสนอข้อมูลด้านตลาดทุนในงาน Thailand Focus  2024 รอบนี้มีความชัดเจนมากกว่าที่ผ่านมาจนทำให้มั่นใจว่าในรอบ 2-3 ปีบรรยากาศตลาดหุ้นไทยจะฟื้นตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง สามารถดึงดูดความสนใจลงทุนกลับมาได้จริงจากความไม่แน่นอนในประเทศน้อยลง กลายเป็นปัจจัยนอกประเทศที่มีผลต่อการลงทุนแทน  โดยกองทุนและสถาบันเข้าร่วมรับฟังข้อมูลครั้งนี้ให้ความสนใจทั้งประเด็นการเมืองและทิศทางเศรษฐกิจ ซึ่งสถานการณ์ปัจจุบันถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญตลาดหุ้นไทยที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนได้ 

ที่ผ่านมาผลกระทบทางเศรษฐกิจจากความไม่มั่นคงทางการเมืองทำให้ตลาดหุ้นไทยได้รับผลกระทบ แต่จากการนโยบายเศรษฐกิจที่เริ่มประกาศออกมามีความชัดเจนกว่าที่ผ่านมาถือว่าเป็นมุมมองสำคัญที่กองทุน-สถาบันจะนำไปวิเคราห์ต่อหลังจากนี้ ซึ่งถือว่าเป็นจังหวะที่ดีหลังตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงจนราคาต่อกำไรต่อหุ้น (P/E ) ต่ำสุดในรอบ 5 ปี 

ด้านเศรษฐกิจมีโอกาสฟื้นตัวดีขึ้นจากทางกระทรวงการคลังบ่งบอกสัญญาณที่จีดีพีจะปรับตัวเพิ่มขึ้น นโยบายสำคัญทางด้านเศรษฐกิจชัดเจน การกำกับดูแลและสร้างความเชื่อมั่น  การเดินหน้า ThaiESG และกองทุนวายุภักษ์ บวกกับบริษัทจดทะเบียนที่พึ่งรายงานผลประกอบการงวดครึ่งแรก 2567 ออกมาสามารถเติบโตเมื่อเทียบกับช่วงเดียวปีก่อน 10 % ซึ่งถือว่าเป็นการกลับมาเติบโตสูงสุดในรอบเกือบ 5 ปี นั้บตั้งแต่เกิดสถานการณ์โควิด-19 เป็นการเติบโตทั้งยอดขาย กำไรขั้นต้นและ กำไสุทธิ  ทั้งกลุ่มพลังงาน อาหาร และเฮลแคร์ เป็นต้น 

“ตลาดหุ้นไทยลุ้นการฟื้นตัวมา 2-3 ครั้งในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาแต่ในครั้งนี้มั่นใจว่าความไม่แน่นอนในประเทศที่น้อยลง มีรัฐบาลที่ผลักดันเศรษฐกิจที่ชัดเจน  ภาคการท่องเที่ยวยังเติบโต ทำให้เกิดการฟื้นตัวจึงทำให้ตลาดหุ้นไทยจะกลับมาน่าสนใจจริงๆ” 

\"ภากร\" เชื่อมั่นหุ้นไทยขาขึ้นจริง รับนโยบายเศรษฐกิจชัด

สำหรับกลุ่มนักลงทุนที่เข้ามาร่วมงานครั้งนี้มีทั้งหมด 170 รายที่มาด้วยตัวเองแบ่งเป็นกลุ่มกองทุน-สถาบันต่างประเทศ 50 ราย และในประเทศ 120 ราย   จากฐานลงทุนสิงคโปร์ ฮ่องกง และอังกฤษ และยังไม่รวมกับกลุ่มที่เข้ารับฟังข้อมูลผ่านออนไลน์  โดยเป็นกลุ่มนักลงทุนกลุ่มเดิมผสมกับกลุ่มใหม่  ซึ่งทางตลท. ยังเตรียมโรดโชว์ข้อมูลให้กับนักลงทุนได้รับทราบข้อมูลเพิ่มได้ดำเนินการไปแล้วที่ออสเตรเลีย ฮ่องกง และซาอุดิอาราเบีย