หุ้น OSP นิวโลว์รอบ 5 เดือน หวั่นบันทึกขาดทุน 800 ล้าน โรงงานเมียนมา
หุ้น "โอสถสภา" ลบแรง หลังประกาศขายธุรกิจผลิต - จัดจำหน่ายโรงแก้วที่เมียนมา "บล.เมย์แบงก์" หวั่นกรณีแย่ที่สุดบันทึกขาดทุน 800 ล้านบาท กดกำไรครึ่งปีหลัง 2567 แนะถือ เป้าหมาย 24.60 บาท ส่วน "บล.ดาโอ" มองเป็นประเด็นลบ แต่ยังแนะซื้อ ราคาพื้นฐาน 28 บาท
ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) (OSP) หลังเปิดการซื้อขายภาคเช้าวันนี้ (2 ก.ย.2567) ปรับลงอย่างชัดเจน และ ณ เวลา 10.55 น. อยู่ที่ 21.20 บาท ลบ 1.20 บาท หรือเปลี่ยนแปลง 5.36% มูลค่าซื้อขาย 276.03 ล้านบาท
ขณะที่จุดต่ำสุดระหว่างการซื้อขายที่ 20.50 บาท ยังถือเป็นจุดต่ำสุดในรอบ 5 เดือนนับแต่ เม.ย.2567
OSP เพิ่งเปิดเผยผลประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 30 ส.ค.2567 ว่าได้มีมติให้จำหน่ายเงินลงทุนในบริษัท เมียนมาร์ โกลเด้น อีเกิ้ล จำกัด (MGE) และบริษัท เมียนมาร์โกลเด้น กลาส จำกัด (MGG) (รวมเรียก MGE Group) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมค้าที่บริษัทย่อยของบริษัทมีสัดส่วนความเป็นเจ้าของร้อยละ 35.00% และ 51.84% ตามลำดับ โดยเป็นกิจการผลิต และจัดจำหน่ายขวดแก้วในเมียนมา คาดธุรกรรมแล้วภายในปี 2567 ปัจจุบันเงินลงทุนมีมูลค่าคงเหลือ 136 ล้านบาท
ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ประเมินว่า ผลประกอบการครึ่งปีหลัง 2567 ของ OSP กำไรสุทธิจะถูกกดดันจากการบันทึกขาดทุนจากการขายโรงงานผลิตขวดแก้วในเมียนมา
อย่างไรก็ตาม คาดว่ากำไรปกติในครึ่งหลังปี 2567 จะเติบโตดีเมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน แต่จะลดลงจากครึ่งปีแรก 2567 โดยคาดว่ากำไรได้ผ่านจุดสูงสุดใน ไตรมาส 2/2567 มาแล้ว ยอดขายต่างประเทศคาดว่าจะชะลอตัวลงในครึ่งปีหลังเนื่องจากเป็นโลว์ซีซัน และส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลง ขณะที่การเติบโตของยอดขายเครื่องดื่มในประเทศคาดว่าจะอยู่ในระดับปานกลาง
กำไรสุทธิที่จะได้รับผลกระทบจากการบันทึกขาดทุนจากการขายโรงงานผลิตขวดแก้วในเมียนมาในช่วงครึ่งปีหลัง 2567 ฝ่ายวิเคราะห์ประเมินเบื้องต้นว่า กรณีแย่สุดจะมีผลขาดทุน 800 ล้านบาท
คำแนะนำการลงทุนคือ ถือ มีราคาเป้าหมายที่ 24.60 บาทต่อหุ้น
และ บล.ดาโอ (ประเทศไทย) ระบุสอดคล้องกันว่า กรณีจำหน่ายธุรกิจผลิต และจัดจำหน่ายโรงแก้วที่เมียนมาเป็นประเด็นลบต่อ OSP แต่ยังแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 28.00 บาทต่อหุ้น
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์