หุ้นไทยวันนี้ 3 ก.ย.67 แรงซื้อต่างชาติลดลงจากเงินบาทชะลอการแข็งค่า แนวรับ 1,345 จุด
หุ้นไทยวันนี้ 3 ก.ย.67 บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ประเมิน SET พักตัวแรงซื้อต่างชาติชะลอลงจากเงินบาทชะลอการแข็งค่า แต่ภาพรวมยังมีสัญญาณที่ดี และปัจจัยหนุนการลดดอกเบี้ยเฟด และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ แนวรับ 1,345 จุด ด้านแนวต้านอยู่ที่ 1,366 จุด
หุ้นไทยวันนี้ 3 ก.ย.67 บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ประเมิน SET ยังอยู่ในช่วงพักตัวเพื่อลดความร้อนแรง และแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติชะลอลงจากเงินบาทชะลอการแข็งค่า อย่างไรก็ตาม ภาพรวมยังมีสัญญาณที่ดี และปัจจัยหนุนการลดดอกเบี้ยเฟด และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ ทำให้คาดแนวรับ 1350 และ 1345 จุด ตามลำดับ ยังรองรับได้ ด้านแนวต้านอยู่ที่ 1360 และ 1366 จุด
ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัว Sideway Up จากความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่น่าจะมีแนวโน้มฟื้นตัวหลังเริ่มมีความชัดเจนของสถานการณ์ทางการเมืองไทยและการเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในปลาย 3Q-4Q67 บวกกับ มอง ธปท. เปิดโอกาสเตรียมลดดอกเบี้ยได้มากขึ้น รวมไปถึงกระแส Fund Flow คาดยังไหลเข้าในตลาด EM ต่อเนื่อง ทำให้ค่าเงินบาทและเอเชียแข็งค่าขึ้น โดยมองเม็ดเงินลงทุนจะไหลออกจากกลุ่มพลังงาน ปีโตรเคมี สื่อสารและอิเล็กทรอนิกส์ เข้าสู่กลุ่มธนาคาร ค้าปลีก รับเหมาฯ และการแพทย์ ซึ่งช่วยลดทอนผลกระทบจากปัจจัยภายนอก โดยคาดดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการของสหรัฐและจีนจะชะลอตัวลง กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
กลยุทธการลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET จะ Sideway Up จากคาดหวังเริ่มมีความชัดเจนของสถานการณ์ทางการเมืองไทยและการเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในปลาย 3Q-4Q67 กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 4 ธีม ดังนี้
1) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากคาดรัฐบาลใหม่จะเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นในช่วง ก.ย. นี้ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อหุ้นที่เกี่ยวกับสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต แนะนำ CPALL CPAXT TNP CBG
2) นักลงทุนที่ต้องการสร้างกระแสเงินสดให้พอร์ตลงทุนระยะสั้น แนะนำหุ้นปันผลคุณภาพดีที่มีการจ่ายปันผลระหว่างกาลจากกำไร 1H67 โดยให้ Div. Yield ตั้งแต่ 1.5% ขึ้นไป แนะนำ HTC BCP BBL
3) นักลงทุนที่ต้องการเก็งกำไรในหุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง แนะนำ กลุ่มเช่าซื้อ (MTC) กลุ่มอสังหาฯ (AP) กลุ่มค้าปลีก (CPALL CPAXT) กลุ่มโรงไฟฟ้า (GULF)
4) หุ้นที่กลุ่ม Earnings Play ซึ่งมีโมเมนตัมกำไรยังดี โดย 3Q67 คาดเติบโต YoY และ QoQ ส่วน 2H67 คาดเติบโต HoH และ YoY อีกทั้ง Valuation ไม่แพง เลือก DELTA GULF BDMS BEM
หุ้น TOP PICKS วันนี้
CPALL มองกำไร 2H67 จะเติบโต YoY เด่นสุดในกลุ่มฯ จากการเติบโตที่แข็งแกร่งจากยอดขายและมาร์จิ้นที่ดีขึ้นทั้งจากธุรกิจ CVS และ CPAXT นอกจากนี้ CPALL ยังเป็นอีกหุ้นที่คาดได้รับประโยชน์จากการเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ (ซึ่งยังไม่รวมอยู่ในประมาณการ) ทั้งนี้วันนี้แนะนำเข้าซื้อเก็งกำไรราคาไม่เกิน 60.75 บาท
CKP ช่วงสั้นมองได้ประโยชน์จากผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับตัวลดลง และโมเมนตัมกำไร 3Q67 ยังมีแนวโน้มปรับตัวดีต่อเนื่องจากเป็นฤดูฝน ทำให้ปริมาณน้ำสำหรับการผลิตไฟฟ้าคาดว่าจะสูงขึ้นสูงสุดในรอบปี โดยล่าสุดปริมาณการผลิตไฟฟ้าและปริมาณน้ำไหลเข้า ก.ค. เพิ่มขึ้น YoY ทั้งเขื่อนไซยะบุรีและเขื่อนน้ำงึม 2 ทั้งนี้วันนี้แนะนำราคาซื้อไม่เกิน 3.70 บาท
ประเด็นสำคัญวันนี้ที่ต้องติดตาม
- รมว. คมนาคมเผยจะผลักดันโครงการแลนด์บริจด์ให้เกิดขึ้นภายในรัฐบาลนี้ โดยกำลังอยู่ระหว่างจัดทำพ.ร.บ. ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ และคาดจะเสนอต่อสภาฯ ได้ในก.ย. 68 และคาดเริ่มก่อสร้างใน 3Q69
- กนอ. เผยปีงบฯ 2567 สามารถขาย/เช่าพื้นที่นิคมได้ 6,174 ไร่ สูงสุดในประวัติการณ์เป็นปีที่สองติดต่อกัน สะท้อนอุปสงค์ที่มีอย่างต่อเนื่อง
- จีนขู่ตอบโต้ทางศก. อย่างรุนแรงต่อญี่ปุ่น อาทิ จำกัดเข้าถึงแร่ธาตุที่จำเป็นต่อการผลิตยานยนต์ หากญี่ปุ่นยกระดับมาตรการควบคุมการขายอุปกรณ์ผลิตชิปแก่บริษัทจีน ซึ่งจะทำให้ความพยายามของสหรัฐฯ ในการสกัดกั้นไม่ให้จีนเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูงเป็นเรื่องยาก
- เมื่อวานนี้เรือบรรทุกน้ำมัน 2 ลำ ซึ่งได้แก่เรืออัมจาด (Amjad) ซึ่งติดธงชาติซาอุดีอาระเบียและเรือบลูลากูน วัน (Blue Lagoon I) ซึ่งติดธงชาติปานามาได้ถูกโจมตีในทะเลแดงนอกชายฝั่งของเยเมน
- รอยเตอร์เผยการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกส.ค. ลดลง 340,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับ 26.36 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ ม.ค. เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการลดกำลังการผลิตในลิเบียและการลดกำลังการผลิตโดยสมัครใจของโอเปกพลัส
- Huawei Technologies เตรียมจัดงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในวันที่ 10 ก.ย. ซึ่งจะเกิดหลังงานเปิดตัว iPhone 16 ของ Apple ในวันที่ 9 ก.ย.
- BYD เผยยอดขายรถยนต์ ส.ค. ทำสุดสูงสุดในประวัติการณ์ 370,854 คัน หรือเพิ่มขึ้น 30%YoY หนุนจากยอดขาย Hybrid ที่ขยายตัว 48% และมีสัดส่วนราว 2 ใน 3 ของยอดขายทั้งหมด เทียบกับ BEV ที่ขยายตัว 12%