‘กัลฟ์-กรุงไทย’ ผนึกถือหุ้นใหญ่ ลุยขอไลเซนส์ ‘เวอร์ชวลแบงก์’ สัปดาห์หน้า
“กัลฟ์-กรุงไทย-แอดวานซ์” ผนึกพร้อมเดินหน้ายื่นขอไลเซนส์ “เวอร์ชวลแบงก์” ต่อ ธปท. ภายในสัปดาห์หน้าตามแผน ย้ำคงเป้ารายได้ปี 67 เติบโต 25-30% ด้านแผนควบรวม “อินทัช” ตั้งเป็นบริษัทใหม่ เป็นไปตามแผนเสร็จไตรมาส 2 ปี 68
นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เปิดเผยกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า การลงทุนร่วมกับ “พันธมิตร” ทั้ง ธนาคารกรุงไทย (KTB) และบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC ในการยื่นขอใบอนุญาต (ไลเซนส์) “ธุรกิจธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา” (Virtual Bank) ซึ่งถือเป็นการจับมือกับพันธมิตรที่มีความแข็งแกร่ง
โดยล่าสุดคาดว่าภายในสัปดาห์หน้า (9-13 ก.ย.67) กัลฟ์ และพันธมิตรจะยื่นขอไลเซนส์ Virtual Bank ต่อธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อย่างแน่นอน ก่อนกำหนดวันสุดท้ายที่ ธปท. เปิดให้ผู้สนใจลงทุนยื่นขอไลเซนส์ 19 ก.ย.67 นี้
สำหรับการร่วมทุนจัดตั้ง Virtual Bank ครั้งนี้ กัลฟ์กับธนาคารกรุงไทย จะถือหุ้นในสัดส่วนพอๆ กันขณะที่พันธมิตรอีกรายหนึ่ง จะถือหุ้นในสัดส่วนที่น้อยกว่า
“เรามองความร่วมมือกับพันธมิตรที่มีทั้งช่องทาง ฐานลูกค้าและข้อมูล มีการนำเทคโนโลยีมาช่วยดำเนินการ และสร้างบริการทางการเงินรูปแบบใหม่ๆ ด้วยต้นทุนที่ต่ำลงช่วยลดต้นทุนการให้บริการ เข้าถึงลูกค้าที่อยู่นอกระบบธนาคารพาณิชย์ ส่งผลให้ Virtual Bank เติบโตได้ นอกจากนี้ เรายังมองหาโอกาสที่จะขยายธุรกิจดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง เพราะถือเป็นเทรนด์ของโลกที่จะเติบโตต่อไปในอนาคต”
ขณะที่ บริษัทยังคงประมาณการรายได้ปี 2567 เติบโต 25-30% โดยโครงการต่างๆ ของบริษัทยังคงดำเนินไปตามแผน ซึ่งในช่วงครึ่งหลังปี 2567 โครงการโรงไฟฟ้า GPD หน่วยที่ 4 (662.5 เมกะวัตต์) มีกำหนดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ตามแผน 1 ต.ค.2567 ขณะที่โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน (Solar Farms) และโครงการพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินร่วมกับระบบกักเก็บพลังงานมีแผนที่จะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ 5 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งรวม 532 เมกะวัตต์ ในเดือนธ.ค.67
นอกจากนี้ โครงการ solar rooftop ภายใต้ GULF1 คาดว่าจะสามารถเข้าลงนามสัญญาได้ไม่ต่ำกว่า 270 เมกะวัตต์ ภายในปีนี้ และดำเนินการจ่ายไฟฟ้าให้กับลูกค้าไม่ต่ำกว่า 180 เมกะวัตต์ ภายในสิ้นปีนี้ โดย GULF1 มีเป้าหมายที่จะขยายธุรกิจ solar rooftop ให้ได้มากกว่า 1,000 เมกะวัตต์ ภายในปี 2573 ในส่วนของธุรกิจก๊าซ HKH ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนที่บริษัท ถือหุ้น 49% ได้เริ่มนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันจำนวน 6 ลำ รวม 400,000 ตัน เพื่อนำมาใช้ในการผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้า HKP หน่วยผลิตที่ 1 อีกทั้งมีแผนจะนำเข้าเพิ่มเติมอีกประมาณ 200,000 ตัน
“ในช่วงที่เหลือของปีนี้ ปัจจัยดังกล่าวข้างต้นจะผลักดันให้รายได้ของกลุ่มกัลฟ์ในปี 2567 เป็นไปตามเป้าหมาย”
ทั้งนี้ ปัจจุบันองค์กรธุรกิจต่างๆ กำลังขับเคลื่อนไปสู่ Digital Transformation จากการใช้งาน Big data, IoT และ AI ซึ่ง workload ของ AI ดังกล่าวต้องใช้ GPU ในการประมวลผลข้อมูล ซึ่งจำเป็นต้องใช้พลังงานมหาศาล และใช้ระบบ liquid cooling ในการระบายความร้อน โดยกลุ่มลูกค้าหลักของ GSA DC จะเป็นกลุ่ม Hyperscalers enterprise และหน่วยงานรัฐบาล
ส่วนธุรกิจ Cloud ที่บริษัทได้ร่วมมือกับ Google เพื่อให้บริการ Google Distributed Cloud air-gapped มีแผนที่จะเปิดให้บริการในช่วงกลางปี 2568 โดยมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ได้แก่ องค์กรที่ต้องการจัดเก็บ และประมวลผลข้อมูลที่มีความสำคัญหรือเป็นความลับ โดยผู้ใช้งาน Google Cloud สามารถเลือกที่จะจัดเก็บข้อมูลที่ศูนย์ข้อมูล GSA DC ของบริษัทได้ นอกจากนี้ บริษัทยังมองการต่อยอดความร่วมมือทางธุรกิจไปสู่บริการอื่นๆ ในอนาคต ซึ่งได้แก่ AI และ cybersecurity
สำหรับเรื่องการควบรวมบริษัทระหว่าง GULF และ บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH นั้น ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการ ซึ่งการจัดตั้งบริษัทใหม่ (NewCo) คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 2 ปี 2568
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์