BTS บวก 2.54 จุด นัด กทม. สางหนี้ 1.4 หมื่นล้านบาท

BTS บวก 2.54 จุด  นัด กทม. สางหนี้ 1.4 หมื่นล้านบาท

หุ้น BTS บวก 2.54% หรือราคาเพิ่มขึ้น 0.12 บาท หรือระดับราคาอยู่ที่ 4.84 บาท นักวิเคราะห์ ระบุ การรับรู้ข่าวดี ๆ เข้ามาค่อนข้างมา ล่าสุดรถไฟฟ้าสายสีเขียวจะมีการเจรจาการจ่ายหนี้กับกทม. O&M รวมเป็นเงินกว่า 1.4 หมื่นล้านบาท

ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยภาคเช้า ณ วันที่ 9 ก.ย.2567 เวลา 10.45 น. หุ้น BTS หรือ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) บวก 2.54% หรือราคาเพิ่มขึ้น 0.12 บาท หรือระดับราคาอยู่ที่ 4.84 บาท 
 

กรรณ์ หทัยศรัทธา นักกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) จำกัด ให้สัมภาษณ์กับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า BTS มีการรับรู้ข่าวดี ๆ เข้ามาค่อนข้างมา ล่าสุดรถไฟฟ้าสายสีเขียวจะมีการเจรจาการจ่ายหนี้กับกทม. O&M ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยรวมเป็นเงินกว่า 1.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งเข้ามาช่วยเชิงเซนติเมนทำให้หุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นมาได้ แต่ยังทำให้มีแรงกดดันได้บ้าง จากรายได้ดอกเบี้ยลดลง จากสายสีชมพูกับสายสีเหลืองจำนวนผู้โดยสารยังไม่ได้ตามเป้า และผลประกอบการของบริษัทลูกที่ยังคงต้องตาและลุ้นให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ยังคงแนะนำถือ 

 

โดยก่อนหน้านั้น ทักษิณ ชินวัตร ได้มีการพูดว่า มีแนวคิดการซื้อคืนสัมปทานรถไฟฟ้าเพื่อทำราคา 20 บาท ซึ่งถือเป็นการช่วย BTS เช่นกัน แต่คาดว่ายังคงต้องรอดูว่าจะสามารถทำได้จริงหรือไม่ 

ด้าน ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) เปิดเผยถึงกรณีหนี้กับ BTS ว่า กรุงเทพมหานคร กำลังเร่งรัดดำเนินการจ่ายหนี้ตามคำสั่งศาล ได้มีการตั้งคณะกรรมการเร่งรัดการจ่ายหนี้ขึ้นมาดูเรื่องนี้ สิ่งที่ต้องทำตอนนี้คือ การเอาเรื่องเข้าสภากรุงเทพมหานคร เพราะการจะเอาเงินสะสมจ่ายขาดมาจ่ายหนี้ต้องให้สภาฯ รับรอง แต่เนื่องจากตอนนี้สภาฯ ติดเรื่องงบประมาณอยู่ หลังจากจบเรื่องงบประมาณก็จะนำเรื่องนี้เข้าสภาฯ ตามกรอบเวลาการจ่ายหนี้กำหนดให้ดำเนินการภายใน 140 วัน แต่จะเร่งให้น้อยกว่า 140 วัน เพราะมีเรื่องของค่าปรับต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง และดอกเบี้ย

ชัชชาติ กล่าวด้วยว่า ขออย่าได้ปล่อยข่าวว่าดึงไว้แล้วทำให้ล่าช้าต้องเสียดอกเบี้ยเพิ่ม ทั้งนี้ ไม่ได้มีเจตนาจะให้ล่าช้าแต่ต้องทำให้ถูกต้องตามระเบียบ ขอให้ใจเย็นๆ เพราะกรุงเทพมหานครได้เร่งดำเนินการให้อยู่ ไม่ได้ถ่วงเวลา เพียงแต่ต้องทำให้รอบคอบ เรื่องไหนเร่งรัดได้ก็รวบรัดทำให้สั้นขึ้น

“อีกประเด็นที่ต้องดูคือ เรื่องการจ่ายเงินสัญญาส่วนที่สองในอนาคต เพราะสัญญาส่วนที่สองไม่ได้ผ่านสภาฯ มาก่อน เป็นการก่อหนี้ผูกพัน ซึ่งการจะเอาเงินไปจ่ายหนี้ต้องผ่านสภาฯ ก่อน ดังนั้นในส่วนของสัญญาที่สองในอนาคตก็ต้องเอาเข้าสภาฯ ให้เรียบร้อย ซึ่งได้คิดไว้หมดแล้ว แต่ต้องทำให้รอบคอบตามขั้นตอนกฎหมาย ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นเกิดมาก่อนแล้ว ตั้งแต่ ม.44 และสืบเนื่องมาจากปัญหาไม่ได้มีการตัดสินใจให้เด็ดขาด มีการหยุดจ่ายเงินตั้งนานแล้ว เป็นเรื่องที่เกิดก่อนที่จะมาทั้งสิ้น ส่วนที่ทาง BTS ได้ทำจดหมายอยากให้มีการหารือเพิ่มเติมก็ยินดี จะคุยประเด็นไหนบ้าง หรืออยากลดหนี้ให้ประชาชนหรือหยุดดอกเบี้ยให้วันนี้เลยจะขอบพระคุณมาก” นายชัชชาติ กล่าว