POLAR แย้งกลับคำสั่งเพิกถอนหุ้น ชี้ดุลพินิจ ตลท. มิชอบ จ่ออุทธรณ์ถึงที่สุด
"โพลาริส แคปปิตัล" ยื่นเอกสารแย้งคำตัดสินจาก ตลท. กรณีสั่งเพิกถอนหุ้นออกจากตลาด เชื่อคำตัดสินขัดต่อข้อเท็จจริงและไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยบริษัทยังสามารถแก้ไขคุณสมบัติให้เข้าเกณฑ์ได้ จึงจะอุทธรณ์คัดค้านต่อคณะกรรมการอุทธรณ์ตลท. จนกว่าจะถึงที่สุด
นายทิศชวน นานาวารทร ประธานกรรมการ บริษัท โพลาริส แคปปิตัล จำกัด (มหาชน) (POLAR) แจ้งเอกสารถึงตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า บริษัทไม่เห็นด้วยกรณีตลท. สั่งเพิกถอนหุ้นสามัญของบริษัทจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ อีกทั้งจะดำเนินการอุทธรณ์คัดค้านคำวินิจฉัยดังกล่าวต่อคณะกรรมการอุทธรณ์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยต่อไป
ทั้งนี้ในเอกสารมีใจความทั้งหมดดังนี้
เรียน กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยอ้างถึง หนังสือของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่ บจ. 247/2567
เรื่อง การเพิกถอนหุ้นสามัญของ บริษัท โพลาริส แคปปิตัล จำกัด (มหาชน) จากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนลงวันที่ 9 กันยายน 2567
ตามที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้มีหนังสือมายัง บริษัท โพลาริส แคปปิตัล จำกัด (มหาชน) (บริษัท) และบริษัทได้รับหนังสือดังกล่าวแล้วเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2567 โดยมีสาระสำคัญโดยมีสาระสำคัญโดยสรุปคือ
1. จากเหตุที่หุ้นสามัญของบริษัทเข้าข่ายอาจถูกเพิกถอนจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนตามข้อ 7 (6) (ข) ของข้อบังคับตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งต่อมาบริษัท สามารถแก้ไขเหตุดังกล่าวได้
ตลาดหลักทรัพย์จึงประกาศให้บริษัทฯ เข้าสู่ช่วงดำเนินการเพื่อให้มีคุณสมบัติกลับมาซื้อขาย ทำให้บริษัท มีหน้าที่ต้องดำเนินการเพื่อให้มีคุณสมบัติกลับมาซื้อขายได้ตามหลักเกณฑ์และภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ในข้อบังคับของตลาดหลักทรัพย์
2. บริษัทได้จัดทำรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการเพื่อให้มีคุณสมบัติกลับมาซื้อขาย พร้อมเหตุผล และข้อมูลสนับสนุนข้อเท็จจริงไปยังตลาดหลักทรัพย์ พร้อมทั้งชี้แจงแผนการดำเนินงานของบริษัทและรายละเอียดของการดำเนินงาน
3. คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้พิจารณาข้อเท็จจริง คำชี้แจง และเอกสารหลักฐานของบริษัทเห็นว่าจนถึงปัจจุบันบริษัท ยังไม่สามารถดำเนินการให้มีฐานะการเงินและผลการดำเนินงานที่มั่นคงอย่างต่อเนื่องจนมีคุณสมบัติกลับมาซื้อขายได้ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดภายในระยะเวลาอันใกล้นี้
ดังนั้นคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงมีมติให้เพิกถอนหุ้นสามัญของบริษัทจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน
บริษัทขอเรียนแจ้งว่าบริษัทไม่เห็นด้วยกับเหตุผลและคำวินิจฉัยของคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ ดังกล่าว ทุกข้อ ทุกประเด็น
โดยบริษัทเห็นว่า หุ้นสามัญของบริษัทไม่มีเหตุเข้าข่ายถูกเพิกถอนจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนตามข้อบังคับฯ ไม่ว่าข้อใด เหตุดังกล่าว ถ้าหากจะมีอยู่จริงก็เป็นเหตุที่สามารถแก้ไขได้ภายในระยะเวลาอันสมควร
และเห็นว่าดุลยพินิจของคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ ที่ให้เพิกถอนหุ้นสามัญของบริษัทออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนเป็นการใช้ดุลยพินิจที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและขัดต่อข้อเท็จจริง
เพื่อให้บริษัทสามารถปกป้องผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้น 8,648 ท่าน ซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นผู้ถือหุ้นรายย่อยของบริษัทได้อย่างสูงสุด และสอดคล้องกับเจตนารมณ์ในการจัดตั้งและการดำรงอยู่ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
บริษัทจึงขอแจ้งยืนยันแนวทางการดำเนินการต่อไปว่า บริษัทจะอุทธรณ์คัดค้านคำวินิจฉัยดังกล่าวต่อคณะกรรมการอุทธรณ์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายต่อไปจนกว่าจะถึงที่สุด