ดาวโจนส์ปิดลบ จับตาข้อมูลเงินเฟ้อ - ถ้อยแถลงพาวเวล

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบ S&P500 อ่อนแรงลงหลังจากทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงก่อนหน้านี้ ผลพวงข่าวจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่
ในวันพุธ (25 ก.ย.67) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 41,914.75 จุด ลดลง 293.47 จุด หรือ -0.70%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,722.26 จุด ลดลง 10.67 จุด หรือ -0.19% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 18,082.21 จุด เพิ่มขึ้น 7.68 จุด หรือ +0.04%
ดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วงที่ผ่านมา หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% เมื่อวันที่ 18 ก.ย.67 ซึ่งทำให้นักลงทุนมีความหวังว่าเศรษฐกิจอาจชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปหรือซอฟต์แลนดิง อย่างไรก็ดี รายงานของ Conference Board เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา บ่งชี้ว่าดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐร่วงลงหนักสุดในรอบกว่า 3 ปี ซึ่งทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับภาวะตลาดแรงงานของสหรัฐ
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ อายุ 10 ปี ดีดตัวขึ้นแตะระดับ 3.770% เมื่อคืนนี้ ท่ามกลางความวิตกกังวลว่าการผ่อนคลายนโยบายการเงินอาจจะส่งผลให้เงินเฟ้อกลับมาพุ่งขึ้นอีกครั้ง
เครื่องมือ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นเป็น 57.4% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเดือนพ.ย. หลังจากให้น้ำหนักเพียง 37.0% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
หุ้น 9 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงาน และกลุ่มเฮลท์แคร์ ร่วงลง 1.90% และ 0.94% ตามลำดับ ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภค และกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นมากที่สุด โดยเพิ่มขึ้น 0.54% และ 0.50% ตามลำดับ
หุ้น Amgen ซึ่งเป็นบริษัทผลิตยารายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 5.46% และเป็นปัจจัยกดดันดัชนีดาวโจนส์ หลังจากนักลงทุนผิดหวังต่อรายงานผลการทดลองยาทั้ง 2 ชนิดของบริษัท
หุ้น Apple ปรับตัวลง 0.52% หลังจากมีรายงานว่ายอดขาย iPhone ในประเทศจีนปรับตัวลดลงในเดือนส.ค.
หุ้น Ford และ General Motors (GM) ร่วงลงกว่า 4% หลังจากนักวิเคราะห์ของ Morgan Stanley ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นบริษัทผลิตรถยนต์ทั้งสองแห่ง
หุ้นธนาคารรายใหญ่ปรับตัวลง รวมถึง Citigroup, Bank of America และ JPMorgan ซึ่งเป็นปัจจัยฉุดดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง 0.93%
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ รายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่ลดลง 4.7% สู่ระดับ 716,000 ยูนิตในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน แต่สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 700,000 ยูนิต จากระดับ 751,000 ยูนิตในเดือนก.ค.
นักลงทุนจับตาการแสดงความเห็นของเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดที่มีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมว่าด้วยตลาดพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ในวันนี้ (26 ก.ย.67) เวลา 09.20 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 20.20 น.ตามเวลาไทย
นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ประจำเดือนส.ค.ของสหรัฐ ในวันศุกร์นี้ โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้า และบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์