วายุภักษ์ดัน ‘หุ้นแบงก์’ พุ่ง ‘บิ๊กแคป’ ปันผลสูง 4-5% สูงกว่าขั้นต่ำกองทุน

วายุภักษ์ดัน ‘หุ้นแบงก์’ พุ่ง  ‘บิ๊กแคป’ ปันผลสูง 4-5% สูงกว่าขั้นต่ำกองทุน

“หุ้นแบงก์” ปรับตัวเด่นรับเม็ดเงิน “กองทุนวายุภักษ์” ทยอยเข้าลงทุนตลาดหุ้นไทยวันแรก ดันดัชนีพุ่ง 15 จุด สถาบันซื้อสุทธิสูงสุด 3.46 พันล้าน บล.กสิกรไทย ชี้เป็นบิ๊กแคปปันผลสูง มีเสถียรภาพ แนะเพิ่มน้ำหนักลงทุน บล.ทิสโก้ คาดเม็ดเงินทยอยเข้า 5 พันถึงหมื่นล้าน ช่วง 1 เดือน

วานนี้ (1 ต.ค.67) เป็นวันแรก “กองทุนวายุภักษ์ 1” ทยอยเข้าลงทุนในตลาดหุ้นไทย หนุนดัชนีหุ้นไทยพุ่ง 15.83 จุด ปิดที่ 1,464.66 จุด มูลค่าซื้อขาย 52,588.69 ล้านบาท พบแรงซื้อสูงสุด ในฝั่งนักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิถึง 3,464.35 ล้านบาท และ บัญชีหลักทรัพย์ (บล.)  ซื้อสุทธิ 282.76 ล้านบาท ขณะที่มีแรงขายในฝั่งต่างชาติขายสุทธิ 1,715.30 ล้านบาท และในประเทศขายสุทธิ 2,031.80 ล้านบาท 

โดย “กลุ่มธนาคาร” ยังคงเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่จะเข้าลงทุนของกองทุนฯ นักลงทุนสถาบัน ซื้อสุทธิ 3,464.35 ล้านบาท พบความเคลื่อนไหวของ “หุ้นกลุ่มแบงก์” ที่ปรับตัวโดดเด่น ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ (BBL) เพิ่มขึ้น 1.66% ,ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เพิ่มขึ้น 1.33% , ธนาคารกรุงไทย (KTB) เพิ่มขึ้น 0.97% และธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) เพิ่มขึ้น 0.92% ล้วนแต่เป็นหุ้นบิ๊กแคปที่ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงเฉลี่ย 4-5% มากกว่าเกณฑ์ผลตอบแทนขั้นต่ำของกองทุนฯ ที่ระดับ 3%

วายุภักษ์ดัน ‘หุ้นแบงก์’ พุ่ง  ‘บิ๊กแคป’ ปันผลสูง 4-5% สูงกว่าขั้นต่ำกองทุน         

นายรัฐศักดิ์ พิริยะอนนท์ ผู้อำนวยการอาวุโส บล.กสิกรไทย เปิดเผยว่า หุ้นกลุ่มแบงก์ปรับตัวขึ้นดี หนุนจาก 2 ประเด็นหลักคือ เริ่มเข้าลงทุนในหุ้นกองทุนวายุภักษ์ ที่มีกำหนดเริ่มเข้าลงทุนตั้งแต่ในวันที่ 1 ต.ค.67 ซึ่งคาดเม็ดเงินได้เข้าลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ เช่น กลุ่มธนาคาร ซึ่งถือเป็นกลุ่มหนึ่งที่ให้อัตราผลตอบแทนเงินปันผลในระดับสูง และมีเสถียรภาพ

อีกทั้ง มองหุ้นกลุ่มธนาคารเป็นกลุ่มที่ได้อานิสงส์จากกระแสเม็ดเงินของนักลงทุนต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) ที่ไหลเข้ามาลงทุนในไทย โดยเฉพาะหลังเฟดมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง มักเห็นกลุ่ม value play ซึ่งรวมถึงกลุ่มธนาคาร ราคาหุ้นมักให้ผลตอบแทนได้ดี

ดังนั้น ด้วยภาพเม็ดเงินลงทุนกองทุนวายุภักษ์ และฟันด์โฟลว์ต่างชาติที่เข้าสู่ตลาด แนะนำเพิ่มน้ำหนักลงทุนในกลุ่มปันผลสูง และกลุ่ม value play เช่น กลุ่มธนาคาร (KTB) 

นายมนชัย มกรานุรักษ์ หัวหน้าทีมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า กลุ่มแบงก์เริ่มมีแรงเก็งกำไรก่อนประกาศผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2567 พร้อมการเริ่มลงทุนของกองทุนวายุภักษ์ในเดือนต.ค.นี้ น่าจะทยอยเข้าลงทุนเฉลี่ยวันละหมื่นกว่าล้านบาท ในช่วง1 เดือนวันทำการ น่าจะใช้เวลา 20-22 วัน ถือเป็นเม็ดเงินที่ค่อนข้างมาก

หากกองทุนใช้เวลาพิจารณาถึงปัจจัยดัชนีหุ้นไทยที่ปรับตัวขึ้นมามากแล้ว และเน้นคัดเลือกหุ้น คาดเม็ดเงินน่าจะทยอยเข้าลงทุนเฉลี่ยวันละ 5,000 ล้านบาท ในช่วง 1 เดือนวันทำการ น่าจะใช้เวลาประมาณ 30 วัน ซึ่งยังต้องติดตามแรงซื้อกลุ่มนักลงทุนสถาบันจะซื้อช้า หรือเร็วมากน้อยแค่ไหน  

ทั้งนี้ ยังเป็นปัจจัยหนุนตลาดคาดนักลงทุนจะหันมาโฟกัสการประกาศผลประกอบการ ซึ่งมีแรงซื้อเก็งกำไรหุ้นกลุ่มแบงก์ ที่คาดประกาศผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2567 น่าจะออกมาดี แต่ยังต้องใช้ความระวังมากขึ้นก่อนการเลือกตั้งสหรัฐ ในช่วงต้นเดือนพ.ย. 

แนะเพิ่มน้ำหนักการลงทุน ให้ความสำคัญกองทุนวายุภักษ์ และกองทุน TESG  คัดเลือกหุ้นที่อยู่ใน SETESG Index ที่มี ESG Rating ระดับ A ขึ้นไป และหุ้นกลุ่มแบงก์ที่คาดงบไตรมาส 3 /2567 จะออกมาดี ได้แก่ TTB  แต่ยังต้องติดตามการปรับเซกเตอร์การเข้าลงทุนของกองทุนวายุภักษ์ ว่าจะมีการปรับเปลี่ยนไปยังเซกเตอร์อื่นๆ หรือไม่ 

นายบดินทร์ พุทธอินทร์ ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) กล่าวว่า เราคาดว่าตลาดหุ้นไทยอาจยังได้แรงส่ง จากการเข้ามาลงทุนในกองทุนวายุภักษ์ เริ่มมีเม็ดเงินเข้ามาเริ่มลงทุนจริงในช่วงปลายปีนี้  ถึงแม้ตลาดหุ้นจะขึ้นระดับหนึ่งแล้ว แต่ยังมีปัจจัยบวกในช่วงท้ายปี รวมถึงเป็นฤดูกาลของการซื้อกองทุนเพื่อลดหย่อนภาษีอย่าง ThaiESG รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากทางภาครัฐที่มีการแจกเงินสู่กลุ่มเปราะบางมาแล้ว

แน่นอนว่าหุ้นที่น่าสนใจ "หุ้นปันผลขนาดใหญ่" ได้ประโยชน์จากกองทุนวายุภักษ์ที่ตัวกองทุนอาจจะเข้ามาเก็บหุ้นปันผลสูงที่มีสภาพคล่อง ด้วยเช่นกัน โดยคาดว่าดัชนีในช่วงสิ้นปีคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 1,475-1,500 จุด 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์   ศิลาวงษ์