คาดแบงก์จ่อลดดอกเบี้ยตาม 0.10% ประเมินกระทบกำไรปี68 ราว6.3%

คาดแบงก์จ่อลดดอกเบี้ยตาม 0.10%   ประเมินกระทบกำไรปี68 ราว6.3%

บล.ฟินันเซีย ไซรัส ให้ 3 กลุ่มรับผลเต็ม ธีมลดดอกเบี้ย "แบงก์-ไฟแนนซ์-อสังหาฯ" โดดเด่นสุดหุ้นไฟแนนซ์ขนาดเล็ก Spread เพิ่มต้นทุนการเงินลด ส่วนหุ้นแบงก์จ่อลดดอกเบี้ยตาม 0.1 % กระทบกำไรปี 68 ราว 6.8 % ด้านอสังหาฯลดเงินผ่อนต่อเดือนราว2%แต่ติดปล่อยสินเชื่อยาก

          หลังจากที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติไม่เป็นเอกฉันท์ 5 ต่อ 2 เสียงให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% มาอยู่ที่ 2.25% โดย 2 เสียงเห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยที่ 2.50%

          บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟินันเซียไซรัส  การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย  0.25% เหลือ 2.25% มีผลดังนี้

         กลุ่มธนาคารเป็นลบระยะสั้นโดยเฉพาะธ.พ.ใหญ่ซึ่งเชื่อว่าน่าจะมีการประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้-เงินฝากประจำตามมา แต่ในอัตราที่ไม่มากเท่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ลดลงจากการศึกษาพบว่าทุกๆ0.25% ของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้-เงินฝากประจำที่ปรับตัวลดลง

          ขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์กำหนดให้ลดลงเพียง 0.10% จะกระทบกำไรสุทธิปี 2568  ของกลุ่มฯ ราว 6.3% จากคาดการณ์ปัจจุบัน โดย KTB เป็น ธ.พ.ที่กระทบมากที่สุด ตามด้วย BBL, KBANK, SCB ส่วนTISCO ได้รับผลบวกมากที่สุด ขณะที่ KKP, TTB แทบไม่ได้รับผลกระทบ

       กลุ่ม Non-Bank ได้รับผลบวก จากการที่โครงสร้างสินเชื่อส่วนใหญ่เป็นอัตราดอกเบี้ยคงที่ขณะที่เงินกู้ยืมจะทยอยปรับตัวลดลงตามอัตราดอกเบี้ยตลาดที่ลดลงส่งผลบวกต่อ Spread โดยเฉพาะบริษัทขนาดเล็ก อาทิ SAK, CHAYO ที่ต้องพึ่งพาแหล่งเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินมากกว่าหุ้นกู้ ซึ่งจะทำให้ต้นทุนการกู้ยืมลดลงได้รวดเร็วกว่าTop picks เลือก MTC (TP 62) และ BAM (TP 11)และแนะนาซื้อSAK (TP 5.74) ส่วนที่เหลือแนะนำเก็งกำไรTIDLOR (TP 17.60), AEONTS (TP 142), KTC (TP 44), CHAYO (TP 3)

        กลุ่มอสังหาฯ  เป็น Sentiment บวกต่อภาพรวม ทั้งกลุ่มและช่วยเพิ่มกำลังซื้อประเมินการปรับลดดอกเบี้ยทุก 0.25 %  จะช่วยลดเงินผ่อนต่อเดือนราว 2%  ส่วนฝั่งผู้ประกอบการอสังหาฯจะได้ผลบวกในแง่ลดต้นทุนการเงินโดยเฉพาะผู้ที่มีสัดส่วนหนี้ที่เป็นอัตราดอกเบี้ยลอยตัวสูง อาทิ AP, SPALI

       ตลาดอสังหาฯยังมีปัจจัยที่ท้าทาย อาทิ การเข้มงวดของปล่อยสินเชื่อจากสถาบันการเงินและยังต้องเร่งระบาย  Supply เหลือขายในตลาด ทeให้มองภาพรวมเป็นลักษณะทยอยฟื้นมองว่าผู้ที่มีพอร์ตกระจายตัว กลยุทธ์เปิดโครงการจับกลุ่มที่ยังมี Demand และกำลังซื้อดีและมีส่วนแบ่งตลาดแข็งแกร่งจะได้เปรียบกว่า รายอื่น แนะนำลงทุนเลือก AP เป็น Top Pick แนวโน้มงบ 3Q24 ฟื้นดี q-q ราคาหุ้นยัง Laggard

    และกลุ่ม REIT  ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง เพราะรายได้เป็นค่าเช่าคงที่ซึ่ง  fix ตั้งแต่ยุคดอกเบี้ยสูง และ Dividend yield ยังสูงเฉลี่ย 7-10% นอกจากรายได้ ในฝั่งรายจ่ายด้านดอกเบี้ย REIT ที่จะได้ประโยชน์สูงสุดคือรีทที่มีอัตราเงินกู้แบบ float rate 100% ได้แก่ WHAIR ,LHHOTEL, LHSC ,AIMIRT, ALLY  ขณะที่ REIT ที่มีเงินกู้ผสมทั้ง float และ fixed rate แต่ Div. Yld ยังสูงและน่าสนใจได้แก่ CPNREIT ,FTREIT