ตลท.ปรับปรุงเกณฑ์บทลงโทษปรับ 'โบรกเกอร์' ทำผิดกฎเข้มขึ้น มีผล 1 พ.ย. 67
ตลาดหลักทรัพย์ฯ ปรับปรุงเกณฑ์บทระวางโทษปรับเป็นเงินสำหรับบริษัทหลักทรัพย์ซึ่งเป็นสมาชิกให้เข้มข้นขึ้น ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการยกระดับการกำกับดูแล มีผลใช้บังคับ 1 พฤศจิกายน 2567 เป็นต้นไป
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เพิ่มความเข้มข้นในการกำกับดูแลบริษัทหลักทรัพย์ซึ่งเป็นสมาชิกตลาดหลักทรัพย์ฯ (โบรกเกอร์) ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
โดยปรับปรุงเกณฑ์บทระวางโทษปรับเป็นเงินสำหรับโบรกเกอร์ให้สูงขึ้น ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการยกระดับการกำกับดูแล เพื่อเพิ่มการกำกับดูแลสมาชิกที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ โดยจะมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่1 พฤศจิกายน 2567 เป็นต้นไป
ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้จัดกลุ่มตามลักษณะการกระทำผิดของโบรกเกอร์เป็น 4 กลุ่ม ได้แก่
1) การใช้ระบบส่งคำสั่งซื้อขาย การใช้ชุดคำสั่งคอมพิวเตอร์ สถานที่ติดตั้ง และการต่อเชื่อมอุปกรณ์คอมพิวเตอร์
2) การกำกับดูแลการซื้อขายผ่านระบบของสมาชิก
3) คุณสมบัติและหน้าที่ในการเป็นสมาชิก
4) การซื้อขาย
นอกจากนี้ ยังได้ปรับปรุงบทระวางโทษปรับเป็นเงินให้เหมาะสมในแต่ละกรณี โดยพิจารณาตามระดับความรุนแรงของผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจากการกระทำความผิดในแต่ละลักษณะการกระทำความผิด
ตัวอย่างเช่น หากเป็นกรณีการกระทำความผิด Naked Short Selling จะปรับ 3 เท่าของกำไรที่ได้รับ แต่ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท (จากเดิมที่ปรับเท่ากับกำไรที่ได้รับ โดยไม่มีการกำหนดค่าปรับขั้นต่ำ) หรือหากเป็นกรณีไม่เรียกให้ลูกค้าวางหลักประกันเพิ่ม เมื่อทรัพย์สินของลูกค้าลดลงจนต่ำกว่ามูลค่าหลักประกันที่ต้องดำรงไว้ตามเกณฑ์การซื้อขายหลักทรัพย์ประเภทมาร์จิ้น จะปรับไม่เกิน 30,000 บาทต่อครั้งที่โบรกเกอร์มีหน้าที่ต้องเรียกให้ลูกค้าวางหลักประกันเพิ่ม (จากเดิมที่ปรับไม่เกิน 10,000 บาทต่อครั้ง)