เปิดโผ 5 หุ้น รับอานิสงส์ไมโครซอฟท์ตั้ง Data Center แห่งแรกในไทย
บล.กรุงศรี เผย Data Center แห่งแรกของไมโครซอฟท์ในไทย ทำให้มีความต้องการฮารด์ แวร์คอมพิวเตอร์เพิ่ม หุ้น WHA-WHAUP ได้ประโยชน์จากการขายที่ดินและสาธารณูปโภค ด้าน BBIK โตผ่านความก้าวหน้าคลาวด์และ AI ขณะที่ GULF รับประโยชน์อย่างมากจากการเปลี่ยนแปลงร่วมมือ Singtel และ AIS
บล.กรุงศรี ระบุว่า ไมโครซอฟท์วางแผนที่จะจัดตั้ง Data Center หรือศูนย์ข้อมูลระดับภูมิภาคแห่งแรกในประเทศไทย โดยต้องการสถานที่อย่างน้อยสามแห่งเพื่อให้มั่นใจในความยั่งยืนและเสถียรภาพด้านพลังงาน โครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างระบบนิเวศดิจิทัลในท้องถิ่น พร้อมสนับสนุนการลงทุนทางอ้อมโดยการพัฒนาทักษะด้าน IT สำหรับคนไทยมากกว่า 100,000 คน
มุ่งเน้นที่ความสำคัญของความปลอดภัยทางไซเบอร์บริษัทคาดว่า จะมีการเพิ่มขึ้นของกรณีการใช้งาน AI เนื่องจากต้นทุนโมเดล AI ลดลงอย่างมีนัยสำคัญและความต้องการฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากภาคเอกชนและ SMEs ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากนโยบายของรัฐบาล เช่น "Cloud First Policy" ไมโครซอฟท์วางแผนที่จะใช้โมเดลการลงทุนแบบหุ้นส่วนและเช่าเพื่อเร่งการเติบโตและพัฒนาทักษะให้กับคนไทยหนึ่งล้านคน
โดยมีเป้าหมาย 100,000 ถึง 200,000 คน ในด้านวิศวกรรมข้อมูลและ AI ขั้นสูง บริษัทตั้งเป้าหมายที่จะใช้พลังงานสีเขียว 100% ภายในปี 2025 และลดการปล่อคาร์บอนให้เป็นลบภายในปี 2030 เราเชื่อว่าตามเป้าหมายด้านพลังงานสีเขียวของไมโครซอฟท์ภาคพลังงานของไทยต้องปรับตัวอย่างรวดเร็วเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากผู้ให้บริการคลาวด์ขนาดใหญ่ ทำให้การเร่งรัด PDP2024 และการประมูลพลังงานหมุนเวียนเป็นสิ่งสำคัญ GULF มีแนวโน้มที่จะได้รับประโยชน์อย่างมากจากการเปลี่ยนแปลงนี้เนื่องจากความร่วมมือในศูนย์ข้อมูลกับ Singtel และ AIS โดยเฟสแรกจะเริ่มในปี 2025
ส่วน WHA เชื่อว่าประเทศไทยสามารถเป็นฮับของดาต้าเซ็นเตอร์เนื่องจากระบบสาธารณูปโภคที่ดีและอุปสงค์ที่แข็งแกร่งของตลาดในประเทศ เนื่องจากดาต้าเซ็นเตอร์ต้องการใช้น้ำเพื่อระบบความเย็นและไฟฟ้าจำนวนมากเพื่อการดำเนินงานไม่ให้สะดุดและตลอดเวลา ดาต้าเซ็นเตอร์จึงต้องตั้งบนพื้นที่ที่มีน้ำและไฟฟ้าที่เพียงพอและเชื่อถือได้โดยเฉพาะอุปทานไฟฟ้าพลังงานสะอาด และพื้นที่นั้นจะต้องไม่มีความเสี่ยงน้ำท่วมและแผ่นดินไหว
ดังนั้น WHA จึงเป็นผู้ได้รับประโยชน์เนื่องจากนิคมของ WHA ได้มาตรฐานตามที่ดาต้าเซ็นเตอร์ต้องการ บริษัทเปิดเผยว่า มีการเจรจากับดาต้าเซ็นเตอร์มากกว่าหนึ่งรายและยอดขายที่ดินอาจสูงกว่าเป้า 2,500 ไร่ปีนี้บริษัทดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่ต้องการใช้น้ำมากกว่า 10 เท่าของโควต้าน้ำที่ให้ (4 ลบ.ม./ไร่/วัน) ซึ่งจะทำให้ยอดขายน้ำเพิ่มขึ้น 4-5% อีกหลายปี นอกจากนี้ ดาต้าเซ็นเตอร์ต้องการไฟฟ้า 100-200MW บริษัทร่วมทุน Glow IPP มีกำลังการผลิตคงเหลือเกือบ 713MW
นอกจากนี้ บริษัทยังสามารถขายไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งต้องการกำลังผลิต 2.0-2.5 เท่าของอุปสงค์ เพื่อเก็บไฟฟ้าในแบตเตอรี่เพื่อใช้เวลากลางคืน WHA ยังเปิดเผยว่าบริษัทน่าจะทำได้ตามเป้าหมายปีนี้ สำหรับยอดขายที่ดิน 2,500 ไร่และมีอัพไซด์ โลจิสติกส์ 200,000 ตร.ม. ไฟฟ้า 1,000MW แต่อาจจะพลาดเป้าสำหรับรถไฟฟ้าโลจิสติกส์ บริษัทอาจจะมีรถไฟฟ้า 300-400 คัน เทียบกับเป้า 1,000 คันเนื่องจากอุปทานขาดแคลน เราประมาณการอัพไซด์ 0.6-1.2 บาท/หุ้น สำหรับ WHAUP ได้แก่ 125.4MW FiTไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์อัพไซด์จากอุปสงค์น้ำและไฟฟ้าสำหรับดาต้าเซ็นเตอร์เฟส 1 ซึ่ง WHA เพิ่งเซ็นสัญญาขายที่ดิน และ 0.4-0.8 บาท/หุ้น สำหรับ WHA เราคงคำแนะนำซื้อ WHAUP และ WHA
ส่วน BBIK มีศักยภาพในการเติบโตในปี 2025 และระยะยาวที่ดีบริษัทกล่าวว่า ในปัจจุบัน รายได้ของบริษัทเกือบทั้งหมด มีส่วนเกี่ยวข้องกับระบบ cloud ที่ทำงานผ่าน Data Center อยู่ด้วยในทุกบริการ ซึ่งการเติบโตและการที่มีผู้เล่นมากขึ้นในตลาด Data Center จะเป็นแรงผลักดันด้าน awareness รวมถึงจะมีการแข่งขันด้านราคา ให้กับลูกค้าตื่นตัวและให้ความสนใจต่อการใช้งาน Cloud service มากขึ้น
ในขณะที่ด้าน AI ที่เป็นการต่อยอดมาจาก Data Center บริษัทแบ่งกลุ่มลูกค้าเป็น 4 ระดับ ได้แก่
1) ระดับปฎิบัติการที่มีการใช้ AI ในการทำงานทั่วไป
2) ระดับที่มีการใช้ AI ในการช่วยเหลืองานที่มีความสำคัญมากขึ้นเช่นการใช้งานด้าน Predictive analysis
3) ระดับที่ใช้ AI ในการตัดสินใจในระดับหน่วยงาน และ
4) ระดับที่ใช่ AI ในการตัดสินใจในระดับองค์กร
ซึ่งปัจจุบัน ตลาดยังมีการใช้ AI ในระดับที่ 1-2 เท่านั้น ทำให้การเติบโตของ AI ยังมีอีกมาก ตาม use case ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ในด้านแนวโน้มการดำเนินงาน บริษัทมองว่าการฟื้นตัวของงานต่างๆ มีความชัดเจนมากขึ้น บริษัทเข้าสู่กระบวนการเตรียมเพิ่มศักยภาพของพนักงานและเตรียมหาพนักงานเพิ่มเพื่อรองรับงานในปี 2025 ที่คาดว่าจะมีแนวโน้มที่ดี โดยมาจาก backlog ที่ยังอยู่ในระดับสูงโดยงานที่ได้รับอยู่ในปัจจุบัน ถือว่าเกือบจะเต็ม capacity ของบริษัทไปแล้ว เรามีมุมมองบวกต่อภาพอุตสาหกรรมที่จะยังเป็นปัจจัยบวกต่อบริษัทได้ในระยะยาว
ขณะที่ภาพกำไรของบริษัทคาดว่า จะมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องและกลับเข้าสู่ระดับปกติได้ในต้นปีหน้าเป็นต้นไป BBIK ยังเป็นบริษัททีมีศักยภาพในการเติบโตในปี 2025 และระยะยาวที่ดี