เมย์แบงก์ประเดิมกำไรโบรก Q3 ที่ 146 ล้าน โต 22 % จากค่าคอม-ค่าธรรมเนียมหุ้น

เมย์แบงก์ประเดิมกำไรโบรก Q3 ที่ 146 ล้าน โต 22 % จากค่าคอม-ค่าธรรมเนียมหุ้น

ประเดิมกำไรโบรก บล.เมย์แบงก์ หรือ MST ทำกำไร Q3/67 ที่ 146 ล้านบาทโต 26 % จากปีก่อน ได้รายได้ค่าคอมหุ้นโต 6 % ลแะรายได้ค่าธรรมเนียมหุ้นพุ่ง 70 %

   นายอารภัฏ สังขรัตน์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) หรือ  งวดไตรมาส 3 ปี 2567 มีกําไรสุทธิ  146.58  ล้านบาท  เพิ่มขึ้น  26.50 ล้านบาท  หรือ เพิ่มขึ้น 22.07  % จากช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งมีกําไรสุทธิ 120.08  ล้านบาท  

 

 

     โดยมีรายได้ค่านายหน้าเพิ่มขึ้น 27.34 ล้านบาท  จาก 276.09 ล้านบาท  เป็น 303.43 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 9.90 %  เนื่องจากรายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายหลักทรัพยเพิ่มขึ้น 31.13 ล้านบาท  จาก 235.23 ล้านบาท  เป็น 266.36 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 13.23 %  อันเป็นผลจากสัดส่วนักลงทุนบุคคล ซึ่งเป็นรายได้หลักของ บริษัทเพิ่มขึ้นจาก  33.29 %  เป็น 35.38  % มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยของนักลงทุนบุคคลเพิ่มขึ้นจาก 17,121.64 ล้านบาท  /วัน เป็น 17,903.45 ล้านบาท /วัน หรือเพิ่มขึ้น  4.57 % 

        ขณะที่มูลค่าการซื้ออขายเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพยลดลงจาก  51,433.97 ล้านบาท  /วัน เหลือ 48,849.02 ล้านบาท /วัน หรือ ลดลง 5.03  %

      และรายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าลดลง   3.80 ล้านบาท  จาก 40.87 ล้านบาท  เป็น 37.07 ล้านบาท  หรือลดลง  9.29 % 

      รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการเพิ่มขึ้น 30.44 ล้านบาท  จาก 43.50 ล้านบาท  เป็น 73.94 ล้านบาท  หรือเพิ่มขึ้น  69.97 %  เนื่องมาจากค่าธรรมเนียมจากการจัดจําหน่ายหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น 36.61 ล้านบาท  ในขณะที่ค่าที่ปรึกษาทางการเงินลดลง  1 ล้านบาท  และค่าธรรมเนียมจากการขายและการรับซื้อคืนนหน่วยลงทุนลดลง  4.47 ล้านบาท

    รายได้อื่นลดลง 46.92 ล้านบาท  จาก 383.65 ล้านบาท  เหลือ 336.73 ล้านบาท  หรือลดลง 12.23 %  จากรายได้ดอกเบี้ยให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพยลดลง  26.42 ล้านบาท  กําไรและผลตอบแทนจากเครื่องมือ    ทางการเงินลดลง  53.75 ล้านบาท  

         ในขณะที่รายได้ดอกเบี้ยจากเงินฝากในสถาบันการเงินและพันธบัตรรัฐบาล เพิ่มขึ้น 11.49 ล้านบาท และรายได้อื่นเพิ่มขึ้น 22.01 ล้านบาท  

      ส่วนค่าใช้จ่ายรวมลดลง 20.88 ล้านบาท  จาก 551.96 ล้านบาท เหลือ 531.08 ล้านบาท หรือลดลง 3.78 %  จากค่าใช้จ้ายผลประโยชน์พนักงานลดลง 8.22 ล้านบาท  ผลขาดทุนด้านเครดตคาดว่าจะเกิดขึ้นลดลง 6.29 ล้านบาท  และค่าใช้จ้ายดอกเบี้ยลดลง  16.42 ล้านบาท  ในขณะที่ค่าธรรมเนียมและบริการจ่ายเพิ่มขึ้น 6.47 ล้านบาท  และค่าใช้จ่ายอื่นเพิ่มขึ้น 3.57 ล้านบาท