‘กูรู’แนะติดตามผลเลือกตั้งสหรัฐ จับตาลงทุนเด่น‘หุ้น-ทอง-คริปโท’
ลุ้นระทึก! เลือกตั้งสหรัฐ รู้ผล 6 พ.ย.นี้ ระหว่าง “โดนัลด์ ทรัมป์” จากพรรครีพับลิกัน กับ “คามาลา แฮร์ริส” จากพรรคเดโมแครต ซึ่งความนิยมสูสีเป็นอย่างมาก ผลกระทบต่อไทยล้วนแตกต่างขึ้นอยู่กับว่าคนชนะคือใคร เพราะนโยบายทั้ง 2 พรรคแตกต่างกันอย่างชัดเจน ทั้งด้าน “การค้า-ลงทุน”
โค้งสุดท้ายเข้าทางตรงแล้ว สำหรับ ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งจะมีขึ้น 5 พ.ย. 2567 และรู้ผล 6 พ.ย.นี้ ระหว่าง “โดนัลด์ ทรัมป์” จากพรรครีพับลิกัน กับ “คามาลา แฮร์ริส” จากพรรคเดโมแครต ซึ่งความนิยมสูสีเป็นอย่างมาก โดยผลกระทบที่มีต่อประเทศไทยล้วนแตกต่างขึ้นอยู่กับว่าคนชนะคือใคร เพราะนโยบายทั้ง 2 พรรคแตกต่างกันอย่างชัดเจน ทั้งด้าน “การค้า-ลงทุน” ที่จะส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อ รวมไปถึงเรื่องสงครามการค้า และภูมิรัฐศาสตร์
“ดร.วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการ บริษัท ทรีนีตี้วัฒนา หรือ TNITY เปิดเผยกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า ถ้าพรรคริพับลิกันชนะหมดทั้งประธานาธิบดีและได้สมาชิกสภาคองเกรสสหรัฐทั้งหมด ซึ่งจะส่งผลต่อหุ้นสหรัฐ แต่จะไม่ส่งผลดีต่อตลาดอีเมอร์จิ้งมาร์เก็ตรวมทั้งไทย แต่จะดีต่อหุ้นไทยเมื่อพรรคเดโมแครต
กรณีทรัมป์ชนะและสภาคองเกรสมีการแบ่งแยกกันระหว่างพรรคริพับลิกันกับพรรคเดโมแครต ณ ตรงนั้นจะทำให้หุ้นไทยไซด์เวย์ ยังคงต้องดูปัจจัยเฟดด้วยว่าจะมีการปรับลดดอกเบี้ยได้เร็วหรือไม่ ในกรณีหากทรัมป์ชนะเฟดอาจจะลดอัตราดอกเบี้ยช้า หรือน้อยกว่าที่คิดเงินเฟ้ออาจจะกลับมา ขณะที่เดโมแครตชนะผลก็จะกลับกันเฟดอาจจะลงดอกเบี้ยเหลือ 3% เงินเฟ้ออาจจะไม่ขึ้น
ทั้งนี้ หากทรัมป์ได้หุ้นสหรัฐจะขึ้นเพราะทรัมป์จะลดภาษีจากปัจจุบัน 21% ลงไปต่อ หากเดโมแครตชนะะภาษีจะเพิ่มขึ้นจาก 21% เป็น 29% ซึ่งแน่นอนหลายฝ่ายมีความกังวลเรื่องของภาษีนำเข้า โดยทรัมป์ประกาศออกมาจะขึ้นภาษีนำเข้าจาก 10% เป็น 60% สำหรับภาษีของจีน และขึ้นอีก 10% สำหรับประเทศคู่ค้าอื่น
ขณะที่ “ทองคำ” มีอยู่หลายปัจจัยที่ยังคงต้องจับตา หากดอกเบี้ยแท้จริงเพิ่มขึ้นทองก็จะไม่ได้ แต่ในช่วงที่ผ่านมาดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาลง ส่งผลให้ทองคำปรับตัวขึ้น รวมถึงหากเงินเฟ้อขึ้นทองคำก็ไม่ดี ขณะที่ปัญหาจีโอโพลิติกทางภูมิรัฐศาสตร์หากมีมากขึ้นทองคำก็จะดี
“ชยนนท์ รักกาญจนันท์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน (บลน.) ฟินโนมีนา ให้ข้อมูลเพิ่มว่า 24 ชม.ที่ผ่านมา คะแนนแฮร์ริส ดีดกลับเข้ามาสูสีกับทรัมป์ และยิ่งช่วงใกล้เวลาเข้ามาทุกทีจึงไม่สามารถทำโพลได้
โดยนโยบายของ แฮร์ริส คริปโทฯ ไม่ได้เอ่ยออกมาในช่วงหาเสียง ขณะที่ทรัมป์ พร้อมซัพพอร์ตเต็มที่เพื่อให้สหรัฐเป็นแหล่งขุดเหมืองใหญ่สุดในโลก ถ้าทรัมป์ก็คริปโทฯ จะได้ประโยชน์ แต่ก็เห็นสัญญาณบิตคอยน์ขึ้นไปที่ระดับ 72,200 ดอลลาร์ และร่วงมาที่ 68,000 ดอลลาร์ นั่นถือว่า โพลวิ่งมาตามแฮริสเช่นกัน
ขณะที่ “ทองคำ” ไม่ว่าใครขึ้นมาก็ได้รับประโยชน์ เนื่องจากสงครามการค้า สงครามเทคโนโลยี สงครามจีโอโพลิติก ยังคงอยู่ แม้ว่าทรัมป์จะไม่ได้สนับสนุนอิสราเอล นั่นแปลว่า อิสราเอลโดดเดี่ยวก็ต้องจับตาว่า อีกฝ่ายจะทำสงครามแรงขึ้นหรือไม่
“ดร.วีรพงษ์ ชุติภัทร์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เรียล เอสเตท เอกซ์โพเนนเชียล จำกัด หรือ RealX ผู้ออกโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน ให้ข้อมูลเสริมว่า หากแฮริสได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐครั้งนี้ โลกจะมีการเปลี่ยนแปลงน้อย โดยเฉพาะในฝั่งคริปโทเคอร์เรนซี ซึ่ง แกรี่ เจนส์เลอร์ ประธานสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ (SEC) คงเป็นท่านเดิม เพราะไม่ได้มีความชอบคริปโทฯ เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
ขณะที่นโยบายของ ทรัมป์ มีการต้องการขุดเหมืองคริปโทฯ ทั้งหมดอยู่ในสหรัฐ หากทรัมป์มากระแสคริปโทฯจะมาแรง รวมถึงทรัมป์ ต้องการอยากจะให้ออก ICO ในสหรัฐเยอะ ๆ รวมถึงรัฐเทกซัสจะเป็นศูนย์รวมขุดเหมืองบิตคอยน์ โดยส่งเสริมให้ค่าไฟถูกลง เพื่อจะทำให้การทำเหมืองบิตคอยน์ได้รับความนิยมสูง
ด้าน “ทองคำ” จะเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากเงินดอลลาร์ในระยะ 3-5 ปียังอ่อนค่าลงมีสูงอยู่ และหลายประเทศมีการซื้อทองคำเก็บสะสมไว้มาก โดยเฉพาะจีน รวมถึงอินเดียที่มีการฝากทองคำไว้ที่ ธนาคากลางของอังกฤษเป็นจำนวนมากเช่นกัน นอกจากนี้ ตั้งแต่มีสงครามรัสเซีย ยูเครนมีการนำดอลลาร์มาเป็นอาวุธ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ไม่ดีกับดอลลาร์