SCCC ทำกำไร Q3/67 พุ่งเกือบ 80 % จากราคาวัตถุดิบลดลง -คุมต้นทุน

SCCC ทำกำไร Q3/67 พุ่งเกือบ 80 % จากราคาวัตถุดิบลดลง -คุมต้นทุน

SCCC รายงานกำไร Q3/67 ที่ 789 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเกือบ 80 % และงวด 9 เดือนกำไร 2,824 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 52 % เหตุคุมต้นทุนผ่านโครงการ “FIT+” และราคาวัตถุดิบลดลง

     บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) หรือ SCCC  รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2567 มีกำไร 789 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 79.31 % จากช่วงเดียวกันปีก่อน  แต่ลดลง 10% จากไตรมาสก่อน กําไรของบริษทฯได้รับประโยชน์จากมาตรการควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และโครงการ “FIT+” มุ่งเน้นในการพัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินงาน

โดยมีกําไรก่อนดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อมราคา +28%  และ 9 เดือนแรกของปี 2567 กำไรสุทธิ 2,824 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 52 % จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยได้รับแรงหนุนจากต้นทุนพลังงานที่ลดลง การปรับโครงสร้างเพื่อพัฒนา ประสิทธิภาพในการดำเเนินงานอย่างต่อเนื่อง และ จากผลการดำเนินงานที่ดีในต่างประเทศ

       

        

   

ขณะที่ได้รับผลกระทบจากผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนรวมถึงบังกลาเทศประสบสภาวะขาดแคลนเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐและการอ่อนค่าอย่างมีนัยสําคัญของค่าเงินบังกลาเทศ ตากา (BDT) บริษัทฯมีกําไรสุทธิก่อนค่าใช้จ่ายพิเศษ และผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนในไตรมาส  3 ปี 2567 รวม 886 ล้านบาทเมื่อเทียบกับปีก่อน รายได้จากบริษัทร่วมลดลงเนื่องจากตลาดชะลอตัวและผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน

อย่างไรก็ตามรายได้จากกิจการร่วมค้าเพิ่มขึ้นเนื่องจากได้ผลประโยชน์จากราคาวัตถุดิบลดลงและการพัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินงาน

 

       

         

 

           ประเทศไทยได้รับผลประโยชน์อย่างมากจากการปรับโครงสร้างในปี 2566/2567 และได้แรงหนุนจากโครงการภาครัฐการพัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน การใช้อัตราการทดแทนความร้อน (TSR) เพิ่มขึ้น และต้นทุนทลดลง ความต้องการปูนซีเมนต์ในเวียดนาม และศรีลังกาฟื้นตัวอย่างชัดเจน ในขณะที่ต้นทุนยังคงลดลงอย่าง ต่อเนื่อง

          โครงการ “FIT+” ที่มุ่งเน้นทางด้านคน (People) ผลกําไร (Profit) และโลก (Planet) ดําเนินการในทุกส่วนงานตั้งแต่ไตรมาส  1 ปี 2567 ยังคงส่งผลบวกให้กลุ่มบริษัทฯอย่างมีนัยสำคัญ  บริษัทฯ มุ่งมั่นต่อการพัฒนาความยั้งยืน (ESG) ด้วยการเพิ่มสัดส่วนยอดขายปูนซีเมนต์คาร์บอนต่ำขึ้นเป็น  89% ของยอดขายปูนซีเมนต์ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 ซึ่งนับเป็นความก้าวหน้าในการบรรลุเป้าหมายที่จะเพิ่มเป็น  100% ต่ออัตราใช้การทดแทนความร้อนในช่วง   9 เดือนแรกของปี 2567  ปรับตัวขึ้น 39% จากปีก่อน