INTUCH เผยไตรมาส 3/67 กำไรสุทธิ 3.46 พันล้าน รับส่วนแบ่งกำไร AIS-TTTBB หนุน

INTUCH เผยไตรมาส 3/67 กำไรสุทธิ 3.46 พันล้าน รับส่วนแบ่งกำไร AIS-TTTBB หนุน

INTUCH เผยไตรมาส 3 ปี 67 กำไรสุทธิ 3.46 พันล้านบาท และงวด 9 เดือน กำไร 1.01 หมื่นล้าน รับส่วนใหญ่เป็นผลบวกจากการเพิ่มขึ้นของส่วนแบ่งกำไรเอไอเอส-TTTBB หนุน

บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH แจ้งผลประกอบการผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า ไตรมาส 3 ปี 2567 มีกำไรสุทธิ 3,459 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน และงวด 9 เดือน 2567 มีกำไรสุทธิ 10,166 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ผ่านมาและปีก่อน ส่วนใหญ่เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของส่วนแบ่งผลกําไรจากเอไอเอส

โดยเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ผ่านมาเนื่องจากการเติบโตของรายได้หลัก และการเพิ่มขึ้นของกําไรจากอัตราแลกเปลี่ยน โดยเมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนส่วนแบ่งผลกําไรจากเอไอเอส (ADVANC) เพิ่มขึ้นจากการรับรู้ผลประกอบการของ TTTBB โดยการรวมรายได้ต้นทุน และค่าใช้จ่ายของ TTTBB จากการเข้าซื้อกิจการ TTTBB รวมถึงการเติบโตของรายได้หลัก สุทธิกับการเพิ่มขึ้นของต้นทุน ค่าใช้จ่าย และต้นทุนทางการเงิน

สําหรับผลการดําเนินงานเฉพาะบริษัท อินทัชมีค่าใช้จ่ายในการดําเนินงานสุทธิ (ไม่รวมผลขาดทุนจากการวัดมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนในโครงการ InVent) สําหรับไตรมาสนี้และงวดเก้าเดือนของปีนี้อยู่ที่ 59 ล้านบาท และ 110 ล้านบาท ตามลําดับ เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมาและปีก่อน จากค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมการปรับโครงสร้างฯ โดยหากไม่รวมค่าใช้จ่ายดังกล่าว ค่าใช้จ่ายในการดําเนินงานสุทธิของอินทัชจะลดลง

โดยในไตรมาส 3/2567 อินทัชมีผลขาดทุนจากการวัดมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนในโครงการ InVent จํานวนประมาณ 31 ล้านบาท

การจ่ายเงินปันผล: ปัจจุบันอินทัชมีนโยบายที่จะจ่ายเงินปันผลจากงบการเงินเฉพาะบริษัท โดยพิจารณาจ่ายในอัตราร้อยละ 100 จากเงินปันผลที่บริษัทได้รับจากบริษัทร่วมและบริษัทย่อยหลังหักค่าใช้จ่าย หากไม่มีเหตุจําเป็นอื่นใด และการจ่ายเงินปันผลนั้นไม่มีผลกระทบต่อการดําเนินงานปกติของอินทัชอย่างมีนัยสําคัญ

สำหรับปัจจัยสำคัญที่อาจมีอิทธิพลและมีผลกระทบต่อฐานะการเงินหรือผลการดําเนินงานของอินทัชอย่างมีนัยสําคัญในอนาคต

เนื่องจากอินทัชประกอบธุรกิจการลงทุนโดยการเข้าถือหุ้นในบริษัทอื่น ดังนั้น ปัจจัยที่มีผลต่อฐานะการเงิน หรือ ผลการดําเนินงานอย่างมีนัยสําคัญของบริษัทที่เข้าลงทุน จึงเป็นปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่ออินทัชด้วย