SVI ขาดทุนค่าเงิน 274 ล้าน ฉุดกำไร Q3/67 วูบหนัก 71 %
หุ้นส่งออกกระทบหนัก SVI รายงานกำไร Q3/67 ลงหนัก 71 % ที่ 165 ล้านบาท เผชิญขาดทุนค่าเงินรวม 274 ล้านบาท สวนทาง 9 เดือนกำไร 1,054 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50 % กำไรค่าเงินครึ่งปีแรก
บริษัท เอสวีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ SVI รายงานผลประกอบการ บริษัทมีกำไรสุทธิจากงบการเงินรวมสำหรับ 9เดือนแรกของปี 2567 จำนวน 1,054 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 350 ล้านบาท หรือ 49.7 % เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งนอกเหนือจากที่กล่าวข้างต้น ยังเป็นผลจากการรับรู้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนอย่างมีนัยสำคัญของค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567
ส่วนของกำไรสุทธิจากงบการเงินรวมสำหรับไตรมาสที่ 3 ปี 2567 มีจำนวน 165 ล้านบาท ลดลง 413 ล้านบาท หรือ 71.5 % เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ 3 ปีก่อนหน้ากำไรสุทธิในไตรมาสนี้ลดลง 109 ล้านบาท หรือ 39.8 % ซึ่งส่วนใหญ่ เกิดจากการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน บริษัทรายงานกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จอื่นจากงบการเงินรวมขาดทุน จำนวน 274 ล้านบาท
สาเหตุหลักเป็นผลจากผลต่างของอัตราแลกเปลี่ยนจากการแปลงค่างบการเงินที่เป็นเงินตราต่างประเทศระหว่างวันที่บริษัทเพิ่มทุนในบริษัทย่อย บริษัท SVI (AEC) Company Limited จำนวน 49 ล้านเหรียญสหรัฐ กับ อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันสิ้นรอบบัญชี ไตรมาส 3 ปี 2567 รายการนี้ไม่กระทบเงินสดในปัจจุบัน และผลต่างจะเพิ่มขึ้นหรือลดลงในอนาคตขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันสิ้นรอบบัญชี ของแต่ละไตรมาส
ยอดขายจากงบการเงินรวมสำหรับ 9 เดือนแรกของปี 2567 จำนวน 16,571 ล้านบาท (466.4 ล้านเหรียญสหรัฐ) ลดลง 834 ล้านบาท (39.9 ล้านเหรียญสหรัฐ) หรือ 4.8 % เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนการลดลดของรายได้นี้เกิดจากรายได้ที่ลดลงของไตรมาสที่ 1 อย่างไรก็ตามความต้องการของลูกค้ารายเดิมกลับมาเติบโตในไตรมาสที่ 2 ซึ่งยังคงเติบโตต่อเนื่องมาจนถึงไตรมาสที่ 3 และคาดว่าจะยังคงอยู่ตลอดปี 2567 และ 2568
บริษัทมียอดขายจากงบการเงินรวม สำหรับไตรมาสที่ 3 จำนวน 5,567 ล้านบาท (161.2 ล้านเหรียญสหรัฐ) ลดลง 371 ล้านบาท (1.6 ล้านเหรียญสหรัฐ) หรือ 6.2 % เมื่อเปรียบกับไตรมาสก่อนหน้า รายได้ในสกุลเงินเหรียญสหรัฐของบริษัท ใกล้เคียงเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า แต่ลดลงเมื่อเปรียบเทียบในสกุลเงินบาท เนื่องจากค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นในไตรมาสที่ 3 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 2
สำหรับการเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ยอดขายจากงบการเงินรวมเพิ่มขึ้น 2 ล้านบาท (2.4 ล้านเหรียญสหรัฐ) การเพิ่มขึ้นในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐสูงกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับสกุลเงินบาทเกิดจากผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน
รายได้ในไตรมาสที่ 3 ปี 2567 ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐค่อนข้างคงที่เมื่อปรียบเทียบกับไตรมาส 2 ของปีนี้ และ ไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีเนื่องจากความต้องการของลูกค้ากลับมาเติบโตจากไตรมาสที่ 4 ของปี 2566 และ ไตรมาสที่ 1 ของปี 2567
อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรของบริษัทที่ลดลงจากไตรมาสที่ 2 ของปี 2567 มีสาเหตุมาจากการแข็งค่าของเงินบาทที่เพิ่มขึ้นมากกว่า 10 % ในระหว่างไตรมาสที่ 2 จนถึงไตรมาสที่ 3 ในส่วนของความสามารถในการทำกำไร 9 เดือนแรกของปี 2567 ยังคงดีกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2566
บริษัทยังมีความแข็งแกร่งจากแนวโน้มความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น ทั้งยังมีงบฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและมีกำลังการผลิต ที่เพียงพอต่อการเติบโต รายได้สกุลเงินดอลลารส์สหรัฐไม่เปลี่ยนแปลง แม้อัตรากำไรจะลดลงจากการแข็งค่าของเงินบาท อย่างไรก็ตามความสามารถในการทำกำไรยังคงดีกว่าปีก่อน
โดยกลุ่ม อุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคมและระบบเครือข่ายไร้สายสำหรับสื่อสาร ระบบควบคุมอุตสาหกรรม และอุปกรณ์อุตสาหกรรม ยานยนต์ยังคงเป็นกลุ่มสำคัญในการสร้างยอดขายในไตรมาสนี้ บริษัทมีกำไรขั้นต้นจากงบการเงินรวมสำหรับ 9เดือนแรกของปี 2567 จำนวน 1,671 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 260 ล้านบาท หรือ 18.4% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
และบริษัทมีกำไรขั้นต้นจากงบการเงินรวมในไตรมาสที่ 3 จ านวน 423 ล้านบาท ลดลง 285 ล้านบาท หรือ 40.3 % เมื่อเปรียบกับไตรมาสก่อนหน้า และ 65 ล้านบาท หรือ 13.3 % เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ในส่วนของอัตรากeไรขั้นต้นสำหรับ 9เดือนแรกของปี 2567 คิดเป็น 10.1 % เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 8.1 %
อัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้นในปี 2567 จนถึงปัจจุบันนั้นเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีอัตราการทำกำไรที่สูงขึ้น รวมถึงค่าเงินบาทที่อ่อนค่าในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567อัตรากำไร ขั้นต้นสำหรับไตรมาสที่ 3 อยู่ที่ 7.6 % ซึ่งลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าที่ 11.9 %
กำไรจากการดำเนินงานของงบการเงินรวมไม่รวมรายได้อื่นสำหรับ 9 เดือนแรกของปี 2567 อยู่ที่ 1,027 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 227 ล้านบาท หรือ 28.4 % เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งเป็นผลจากที่ได้กล่าวมาข้างต้น และสำหรับกำไรจากการดำเนินงานงบการเงินรวม ไม่รวมรายได้อื่น สำหรับไตรมาสที่ 3 นี้ อยู่ที่ 206 ล้านบาท ลดลง 291 ล้านบาท หรือ 58.6 % เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน หน้าที่ 497 ล้านบาท