SVI ประมาณการ 1Q66F: กำไรจากธุรกิจหลักเพิ่มขึ้น YoY แต่ลดลง QoQ

SVI ประมาณการ 1Q66F: กำไรจากธุรกิจหลักเพิ่มขึ้น YoY แต่ลดลง QoQ

เราคาดว่ากำไรจากธุรกิจหลักของ SVI ใน 1Q66F จะอยู่ที่ 353 ล้านบาท (+66% YoY, -39% QoQ) คิดเป็น 25% ของประมาณการกำไรเต็มปีของเรา

โดยกำไรที่เพิ่มขึ้น YoY จะมาจากอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นและ ยอดขายที่เพิ่มขึ้น (อุปสงค์ฟื้นตัวขึ้นหลังจากที่มีการผ่อนคลายมาตรการ lockdown) ส่วนกำไรที่ลดลง QoQ เป็นเพราะยอดขายที่ลดลงเพราะผลจากปัจจัยฤดูกาล และ correction ของวัฏจักรอุตสาหกรรม รวมถึงอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงจากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นด้วย

 

ความเสี่ยงต่อยอดขายมาจากการที่วัฏจักรอุตสาหกรรมอยู่ในช่วง correction

ถึงแม้ว่าอุปสงค์สินค้าของ SVI จะมีแนวโน้มแข็งแกร่งในอีก 12 ถึง 18 เดือนข้างหน้า แต่บริษัทอาจจะเผชิญความเสี่ยงจากการที่วัฏจักรอุตสาหกรรมอยู่ในช่วง correction เพราะยอดขายของบริษัทมีสหสัมพันธ์กับยอดขาย semiconductor โลกอยู่ที่ประมาณ 0.8 ทั้งนี้ ยอดขาย semiconductor โลกที่ลดลงมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2565 (ยอดขาย semiconductor โลกอยู่ที่ 3.97 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ (-21% YoY,-4% MoM) ในเดือนกุมภาพันธ์ 2566) อาจจะทำให้มีการเลื่อนคำสั่งซื้อออกไปได้ ดังนั้น เราจึงคาดว่ายอดขายของ SVI ใน 1Q66F จะอยู่ที่ 6.2 พันล้านบาท (+9% YoY, +13% QoQ) แต่หากไม่รวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน เราคาดว่ายอดขายจะอยู่ที่ 185 ล้านดอลลาร์ฯ (+7% YoY, -7% QoQ) คิดเป็น 25%ของประมาณการยอดขายเต็มปีของเรา

 

 

อัตรากำไรขั้นต้นได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาท

เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบคิดเป็นประมาณ 80% ของยอดขายรวม เราจึงคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นของ SVI จะถูกบีบ QoQ แต่จะฟื้นตัวขึ้น YoY เพราะค่าเงินบาท เราคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ที่ 9.1% (+2pptsYoY, -1.9ppts QoQ) ดีกว่าสมมติฐานปีนี้ของเราที่ 8.8% และดีกว่าเป้าของบริษัทที่ 8.5% - 9.0% ซึ่งจะทำให้สัดส่วน SG&A ต่อยอดขายใน 1Q66 อยู่ที่ 3% (จาก 3.1% ใน 1Q65 และ 2.8% ใน 4Q65) มีความเสี่ยงจากการควบรวมในกลุ่มอุตสาหกรรม (industry consolidation) แนะนำให้รอดูสถานการณ์ยอดขายของ SVI เผชิญความเสี่ยงจากการควบรวมในอุตสาหกรรม (industry consolidation) ซึ่งเมื่ออิง
จากวัฏจักรรอบก่อน ๆ น่าจะจบลงภายในปลายปี 2566 นอกจากนี้ การแข็งค่าของเงินบาทยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่กดดันอัตรากำไรของ SVI ทั้งนี้ นักเศรษศาสตร์ของ KGI คาดว่าเงินบาทจะแข็งค่าขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้เมื่อเทียบกับครึ่งแรก ดังนั้น เราจึงแนะนำให้นักลงทุนรอดูสถานการณ์ไปก่อน

 

Valuation & action

เรายังคงคำแนะนำ “ถือ” SVI และคงราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 เอาไว้เท่าเดิมที่ 8.50 บาท อิงจาก PER ที่ 13.0x (เท่ากับค่าเฉลี่ยในอดีตของ Hana Microelectronics (HANA.BK/HANA TB)* -0.5 S.D.)

 

Risks

ภัยธรรมชาติ, มีการปิดโรงงานนอกแผน, ลูกค้าเปลี่ยนไปสั่งสินค้าจาก supplier รายอื่น, ขาดแคลนวัตถุดิบ, เงินบาทแข็งค่าขึ้น (เราใช้สมมติฐานอัตราแลกเปลี่ยนปี 2566-67 ที่ 33.80 บาท/ดอลลาร์ฯ) และความล่าช้าในกระบวนการทดสอบผลิตภัณฑ์