หุ้นสหรัฐปิดตลาดทรงตัวรับเงินเฟ้อ
ตลาดหุ้นสหรัฐช่วงเปิดตลาดวันพุธปรับตัวขึ้น หลังจากการรายงานเงินเฟ้อ ในขณะที่อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรลดลง
KEY
POINTS
- ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนตุลาคม โดยอัตราเงินเฟ้อ 12 เดือนปรับขึ้น 2.6% ตัวเลขทั้งสองเป็นไปตามคาด
- CPI พื้นฐานเร่งตัวขึ้น 0.3% ในเดือนตุลาคม และอยู่ที่ 3.3% ต่อปี ซึ่งเป็นไปตามการคาดการณ์เช่นกัน
- แม้ว่าสัญญาณเงินเฟ้อจะอ่อนตัวลงในหมวดอื่น แต่ราคาที่พักอาศัยยังคงเป็นปัจจัยสำคัญในการขับดัน CPI
- รายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมงที่ปรับตามอัตราเงินเฟ้อสำหรับคนงานเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนนี้ และ 1.4% จากปีที่แล้ว
ดัชนี S&P 500 และดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันพุธ (13 พ.ย.67) โดยแทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เนื่องจากการพุ่งขึ้นหลังการเลือกตั้งลดความร้อนแรงลง นักลงทุนยังให้ความสำคัญกับรายงานเงินเฟ้อที่ออกมาสอดคล้องกับที่คาดการณ์ไว้
ดัชนี S&P 500 ปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย 0.02% ปิดที่ 5,985.38 จุด ขณะที่ดัชนี Dow Jones ซึ่งมีหุ้น 30 ตัวปรับตัวเพิ่มขึ้น 47.21 จุด หรือ 0.11% ปิดที่ 43,958.19 จุด ดัชนีหุ้นบลูชิปปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 230 จุดในช่วงเช้าของวันพุธ ดัชนี Nasdaq Composite ปิดตลาดวันด้วยการลดลง 0.26% ปิดที่ 19,230.74 จุด
เว็บไซต์ซีเอ็นบีซี รายงานเมื่อคืนที่ผ่านมาว่า อัตราเงินเฟ้อสหรัฐสูงขึ้นในเดือนตุลาคม แม้ว่าจะค่อนข้างสอดคล้องกับการคาดการณ์ของวอลล์สตรีทก็ตาม
โดยความคืบหน้าในการควบคุมอัตราเงินเฟ้อในยุคการระบาดใหญ่ของโควิดดูเหมือนจะหยุดชะงักในเดือนตุลาคม แม้ว่าราคาน้ำมันจะลดลง และราคาสูงขึ้นไม่มากในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคอื่นๆ เช่น อาหาร
ขณะเดียวกัน นักเศรษฐศาสตร์คาดว่านโยบายต่างๆ ของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เช่น อัตราภาษีนำเข้าที่สูงขึ้น หากมีการประกาศใช้ มีแนวโน้มที่จะทำให้อัตราเงินเฟ้อรุนแรงขึ้น ซึ่งขณะนี้ อัตราเงินเฟ้อยังไม่เป็นไปตามเป้าหมายระยะยาวของผู้กำหนดนโยบาย
สำนักงานสถิติแรงงานรายงานเมื่อวันพุธ ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป CPI ซึ่งวัดต้นทุนในการผลิตสินค้าและบริการต่างๆ เพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนตุลาคม จากเดือนก่อนหน้า ทำให้อัตราเงินเฟ้อในรอบ 12 เดือนเร่งขึ้นไปที่ 2.6% เพิ่มขึ้น 0.2 จุดจากเดือนกันยายน อัตราเงินเฟ้อทั้งสองสอดคล้องกับการประมาณการของดาวโจนส์ หากไม่รวมอาหาร และพลังงาน CPI พื้นฐานเร่งตัวขึ้น 0.3% ในเดือนนี้ และเพิ่มขึ้น 3.3% ต่อปี ซึ่งเป็นไปตามการคาดการณ์เช่นกัน
ต้นทุนพลังงานซึ่งลดลงในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ทรงตัวในเดือนตุลาคม ขณะที่ดัชนีอาหารเพิ่มขึ้น 0.2%
เมื่อเทียบเป็นรายปี ราคาพลังงานลดลง 4.9% ในขณะที่อาหารเพิ่มขึ้น 2.1% แม้ว่าสัญญาณเงินเฟ้อจะอ่อนตัวลงในรายการอื่นๆ แต่ราคาที่พักอาศัยยังคงเป็นปัจจัยสำคัญต่อการปรับขึ้นของดัชนี CPI โดยดัชนีที่พักอาศัยซึ่งมีน้ำหนักประมาณหนึ่งในสามของดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป เพิ่มขึ้นอีก 0.4% ในเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้นสองเท่าจากเดือนกันยายน และเพิ่มขึ้น 4.9% ต่อปี หมวดหมู่ดังกล่าวมีส่วนสำคัญต่อการเพิ่มขึ้นมากกว่าครึ่งหนึ่งของ CPI ทุกรายการ ตามข้อมูลของสำนักงานสถิติแรงงาน
ราคารถยนต์ใช้แล้วก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยเพิ่มขึ้น 2.7% ต่อเดือน ในขณะที่เบี้ยประกันภัยรถยนต์ลดลง 0.1% แต่ก็ยังสูงขึ้น 14% ในรอบ 12 เดือน ค่าโดยสารของสายการบินพุ่งขึ้น 3.2% ในขณะที่ราคาไข่ร่วงลง 6.4% แต่ยังคงสูงขึ้น 30.4% จากปีที่แล้ว รายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมงที่ปรับตามอัตราเงินเฟ้อสำหรับคนงานเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนตุลาคม และ 1.4% จากปีที่แล้ว
อัตราเงินเฟ้อยังสูงกว่าเป้าหมาย 2% ของธนาคารกลางสหรัฐมาก และอาจทำให้กลยุทธ์นโยบายการเงินของธนาคารกลางมีความซับซ้อนในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อฝ่ายบริหารชุดใหม่เข้าควบคุมทำเนียบขาวในเดือนมกราคม
“ดัชนี CPI ไม่น่าประหลาดใจ ดังนั้นในตอนนี้ เฟด อยู่ในแนวทางที่จะลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนธันวาคม อย่างไรก็ตาม ปีหน้าจะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เนื่องจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับอัตราภาษีที่อาจเกิดขึ้น และนโยบายการบริหารอื่นๆ ของทรัมป์” เอลเลน เซนต์เนอร์ หัวหน้านักยุทธศาสตร์เศรษฐกิจของกองทุนบริหารความมั่งคั่ง Morgan Stanley Wealth Management กล่าว
“ตลาดกำลังชั่งน้ำหนักความเป็นไปได้ที่เฟดจะลดดอกเบี้ยในปี 2025 น้อยครั้งกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ และอาจกดปุ่มหยุดชั่วคราวโดยเร็วที่สุดในเดือนมกราคม”
แผนการของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะใช้มาตรการภาษีมากขึ้น และการใช้จ่ายภาครัฐ อาจจะทั้งกระตุ้นการเติบโต และทำให้อัตราเงินเฟ้อรุนแรงขึ้น ซึ่งเงินเฟ้อยังคงเป็นปัญหาสำคัญสำหรับครัวเรือนในสหรัฐ แม้จะลดลงจากจุดสูงสุดในกลางปี 2022 ก็ตาม
ด้วยเหตุนี้ ผู้ค้าในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา จึงได้ลดความคาดหวังในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดลง ธนาคารกลางสหรัฐ ได้ลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลง 0.75 % แล้ว และตลาดก่อนหน้านี้คาดว่าเฟดจะเดินหน้าในเชิงรุกต่อไป แต่ขณะนี้ผู้ค้าคาดว่าจะมีการปรับลดอีกเพียง 0.75% จนถึงสิ้นปี 2025 ซึ่งน้อยกว่าที่คาดไว้ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีประมาณ 0.5%
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์