CAZ รับกระทบโครงการCFP พันล้าน ค้างค่าก่อสร้าง - ยื่นฟ้องศาลเบี้ยวหนี้

CAZ รับกระทบโครงการCFP พันล้าน   ค้างค่าก่อสร้าง - ยื่นฟ้องศาลเบี้ยวหนี้

โครงการCFP ลามกระทบ CAZ จากเป็นหนึ่งผู้รับเหมาจากผู้รับเหมาหลัก UJV 4 ฉบับรวม 7,330 ล้านบาท หลัง Q2/67ชะลอจ่ายตามงวด 912 ล้านบาทกระทบสภาพคล่องบริษัทและเงินกู้สถาบันการเงิน พร้อมยื่นฟ้องดำเนินคดีหากไม่ไดัรับการชำระหนี้ตามระบุ ต้นปี 2568

            นายซุง ซิกฮอง  กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเอ แซด (ประเทศไทย) มหาชน หรือ CAZ  ชี้แจงลูกค้ารายหนึ่งของบริษัทซึ่งเป็นผู้รับเหมาหลักในงานก่อสร้างโครงการแห่งหนึ่งมีการชำระเงินล่าช้า ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อกระแสเงินสดและสภาพคล่องของบริษัท

             บริษัทมีการเซ็นสัญญารับเหมาก่อสร้างกับผู้รับเหมาหลัก (Main Contractor) ตั้งแต่ ปี 2562 คือกิจการร่วมค้า พีเอสอี เอแอล เอสเอสไอเอ็นจีและเอสอีที (UJV) ซึ่งประกอบด้วย บริษัท ปิโตรแฟค เซาท์อีสท์เอเซีย จำกัด (Petrofac), บริษัท ไซเพม (สิงคโปร์) จำกัด (Saipem), บริษัท ซัมซุงอีแอนด์เอ (ประเทศไทย) จำกัด (Samsung) ในงานก่อสร้าง โครงการพลังงานสะอาด  หรือ Clean Fuel Project (CFP)

               โครงการตั้งอยู่ที่จังหวัดชลบุรีโดยตั้งแต่เริ่มดำเนินงาน ก่อสร้างโครงการ CFP นี้จนถึง ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2567 บริษัทมีการเซ็นสัญญากับ UJV รวม 4 สัญญา มูลค่าสัญญา และงานส่วนเพิ่มต่างๆ รวมจำนวน  7,330 ล้านบาท   มีเงื่อนไขเทอมการชำระเงิน 45 วันหลังได้รับใบแจ้งหนี้   ซึ่งตลอดระยะเวลาการทำงานที่ผ่านมาตั้งแต่เริ่มดำเนินงานก่อสร้างในปี 2562 UJV มีการชำระเงินเต็มจำนวนมาโดยตลอด และระยะเวลาการชำระเงินของใบแจ้งหนี้แต่ละรายการเป็นการชำระใบแจ้งที่เกินกำหนดไม่ถึง 90 วัน

          ตั้งแต่ไตรมาส 2/2567 เป็นต้นมา  UJV เริ่มชะลอการจ่ายชำระหนี้ให้แก่บริษัท โดยงบการเงิน ระหว่างกาล ณ วันที่  30 กันยายน 2567 บริษัทมียอดลูกหนี้การค้าที่เกินกำหนดชำระหนี้จำนวน  887 ล้านบาท  สินทรัพยท์เกิดจากสัญญาจำนวน  682 ลานบาท หนี้สินที่เกิดจากสัญญา 200 ล้านบาท  ลูกหนี้เงินประกันผลงานตามสัญญาจำนวน  113 ล้านบาท  และงานโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างและยังไม่รับรู้รายได้ (Backlog)  รวม จำนวน  912 ล้านบาท  (มูลค่างานนี้จะมีการทยอยดำเนินการก่อสร้างไปต่อเนื่องอันเป็นไปตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ใน สัญญาที่บริษัทไม่สามารถหยุดงานได้ )  

            ทั้งนี้  UJV ได้แจ้งต่อบริษทถึงเหตุผลในการชะลอการจ่ายชำระหนี้เนื่องจาก UJV กำลังอยู่ในระหว่างการเจรจาขอเรียกเงินส่วนเพิ่มการดำเนินงานโครงการ CFP กับเจ้าของโครงการ  และ UJV คาดวาจะได้ข้อสรุ ปจากเจ้าของโครงการภายในสิ้นเดือนพฤศจิกายนถึงประมาณกลางเดือนธันวาคม  2567 นี้ 

             พร้อมกันนั้บริษัท มีการดำเนินการติดตามทวงถามและเจรจาเพื่อการชำระหนี้จาก UJV อย่างใกล้ชิด มาโดยตลอดในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา   แต่ทาง UJV  ขอเจรจาจ่ายชำระหนี้เพื่อนํามาเป็นค่าใช้จ่ายในการ  ดำเนินนงาน ก่อสร้างโครงการ CFP ของบริษทเพียงบางส่วนมีระยะเวลาการจ่ายชำระคือตั้งแต่เดือนตุลาคม – ธันวาคม 2567

           ส่วนที่เหลือทั้งหมดเมื่อได้ข้อสรุปเรื่องการขอเงินส่วนเพิ่มจากเจ้าของโครงการแล้ว UJV จะส่งเอกสารยืนยันแผนการชำระเงินให้แก่บริษัทต่อไป ซึ่งแผนการชำระเงินดังกล่าว UJVจะส่งให้แก่บริษทหลังจากที่มีการทำสัญญาเพิ่มเติมกับเจ้าของโครงการเรียบร้อยแล้วซึ่ง UJV คาดวาจะเกิดขึ้นในเดือนธันวาคม  2567 ถึงต้นเดือนมกราคม 2568 โดยเวลาการจ่ายชำระหนี้ของ UJV กำหนดไว้ที่จะจ่ายชำระหนี้ท้งหมดภายใน  3-6 เดือน โดยเริ่มตั้งแต่เดือนมกราคม 2568 เป็นต้นไป

      จากการประเมินข้อเท็จจริงที่มีอยู่ ณ ปัจจุบันบริษัทเห็นวา่ UJV อยู่ในระหว่างการดำเนินการต่างๆ กับหลายฝ่ายที่เกี่ยวของของโครงการนี้เพื่อสรุปแผนการชำระเงินคืนหนี้ที่คงค้างทั้งหมดให้กับบริษัท ซึ่งจะไม่ส่งผลกระทบที่จะก่อให้เกิดการขาดทุนสาหรับหนี้ค้างชำาระที่มีอยู่ ณ ปัจจุบัน 

         ทางบริษัทจึงพิจารณาที่จะรอผลสรุปของทาง UJV และ เจ้าของโครงการ ตามที่ UJV ให้ข้อมูลว่าที่จะเกิดขึ้นภายในเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคม 2567 นี้ก่อน อย่างไรก็ตาม บริษัทมีการดำเนินการทางกฎหมายต่อคู่กรณีที่เกี่ยวของทั้งหมดเพื่อเรียกร้องให้ UJV ชำระเงินตามสัญญาจ้างทำของ   โดยการยื่นดำเนินคดีต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้ไปเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา

            ทั้งนี้หากขอสรุป ระหว่าง UJV และเจ้าของโครงการคลาดเคลื่อนไปจากที่กล่าวไว้  รวมถึงระยะเวลาและจำนวนเงินจ่ายชำระหนี้ไม่เป็นไปตามที่เจรจาไว้ทางบริษัทจะดำเนินการทางกฎหมายได้อย่างทันท่วงที

            การแก้ป้ญหาสภาพคล่องในช่วงระยะที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันบริษัทบริหารกระแสเงินสดเพื่อแก้ป้ญหา สภาพคล่อง โดยการลดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายในส่วนของงานโครงการ CFP รวมถึงการเจรจาขอชะลอจ่ายชำระหนี้ต่อคู่ค้าของบริษัษท   รวมถึงการขอความอนุเคราะห์ต่อลูกค้ารายอื่นในการชำระหนี้งานโครงการเร็วกว่าเครดิตเทอมปกติเพื่อให้การดำเนินธุรกิจของบริษัทเป็นไปอย่างต่อเนื่องในทุกโครงการ รวมถึงการใช้วงเงินสินเชื่อที่มีต่อสถาบนการเงินที่บริษัทใช้เป็นทุนหมุนเวียนสำหรีบการดำเนินงานโครงการต่าง ๆ ในปัจจุบัน

             ส่วนของวงเงินสินเชื่อกับสถาบันการเงินแห่งหนึ่ง บริษัทได้ใช้ลูกค้า UJV เป็นหลักประกันสำหรับวงสินเชื่อแฟคตอริ่งโดยเบิกตั่วสัญญาใช้เงินระยะสั้นมาเพื่อใช้ในการดำเนินงานโครงการ CFP อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดการชะลอจ่ายชำระหนี้ สำหรับใบแจ้งหนี้ที่บริษัทได้ทำแฟคตอริ่งกับสถาบันการเงินดังกล่าว  บริษัทได้มีการขอความอนุเคราะห์ขยายระยะเวลาการชำระหนี้  รวมถึงแผนการชำระเงินไปที่สถาบันการเงินดังกล่าวแล้ว       

            โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาอนุมัตซึ่งคาดวาน่าจะได้รับการอนุมัตภายในเดือนธันวาคม  2567 กล่าวโดยสรุปจากสถานการณ์การชะลอการชำระหนี้ของ UJV ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันส่งผลกระทบทำให้บริษัท มีการดำเนินการต่าง ๆ ตามที่กล่าวไว้ข้างต้นเพื่อให้การดำเนินธุรกิจของบริษทเป็นไปอย่างต่อเนื่อง และ พิจารณาที่จะรอผลสรุปของทาง UJV และเจ้าของโครงการที่จะเกิดขึ้นภายในเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคม  2567 นี้ตามที่ UJV ให้ข้อมูลไว ้

               ทั้งนี้เมื่อบริษัทได้รับความคืบหนาเพิ่มเติมบริษัทจะดำเนินการแจ้งให้ทราบต่อไป