หวั่นคดี ‘หมอบุญ’ลามโบรกเกอร์ สะพัดมาร์เก็ตติ้งปล่อยกู้ – หักหัวคิว 2 - 3 %
คดี”หมอบุญ” ฉ้อโกงประชาชน หวั่นลามโบรก-มาร์เก็ตติ้งวงในสะพัดจัดเพ็กเกจปล่อยกู้-มาร์เก็ตติ้งเสนอขายรายใหญ่ –ลูกค้าเป็นทอดๆ ด้านผู้บริหาร THG ยันไม่กระทบเป็นคดีส่วนบุคคลในนามหุ้น’วนาสิน’ ส่วนจิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้ หมอบุญไม่เกี่ยวข้อง
จากกระแสข่าวปั่นป่วนในตลาดหุ้นเกือบ 3 เดือน ปรากฎหมายศาลอาญแจ้งจับนพ.บุญ วนาสิน ผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลธนบุรีและผู้ถือหุ้นบริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG รวมถึงผู้ต้องหาที่ร่วมขบวนการ และมีพฤติการณ์ เกี่ยวข้องกับคดีนี้ 9 คน รวมถึงภรรยา “นางจารุวรรณ วนาสิน” และบุตรสาว “น.ส.นลิน วนาสิน”
โดยมีข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน, ออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค และธนาคารปฏิเสธไม่ให้ใช้เงินตามเช็คนั้น
ทางการดำเนินคดีมีผู้เสียหายหรือเจ้าหนี้หลายรายเข้ายื่นฟ้องจนมูลหนี้ตัวเลขมากถึงระดับหมื่นล้านบาท อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม หากพบหลักฐานไปถึงใครก็จะมีการออกหมายจับเพิ่ม
รวมทั้งมีการตรวจสอบคดีตั้งแต่ปี 2566 เริ่มมีผู้เสียหายแจ้งความหมอบุญในคดีเช็คเด้ง จนเดือนพ.ค. 2567 เริ่มมีผู้เสียหายมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจนเชื่อว่าไม่ใช่เพียงคดีเช็คหรือกู้ยืมเงิน อีกทั้งเมื่อตรวจสอบสิ่งก่อสร้างตาม 5 โครงการที่กล่าวอ้างกลับไม่มีอยู่จริง ซึ่งพนักงานสอบสวนเตรียมเสนอเรื่องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ(DSI) พิจารณารับดำเนินการเป็นคดีพิเศษ
อย่างไรก็ตามส่วนตลาดหุ้นผลกระทบกลับเป็นวงกว้างแต่ไม่สามารถเข้าข่ายความผิดตาม พรบ. หลักทรัพย์ เนื่องจากเป็นการกระทำส่วนตัวด้วยการนำหุ้นที่ถืออยู่ไปเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน
ทั้งนี้เชิงลึกกลับมีความเสียหายที่เกิดขึ้นดึงกลุ่มบุคคลในตลาดทุนเกี่ยวข้องจำนวนมาก ทั้งโบรกเกอร์ มาร์เก็ตติ้ง และผู้บริหารบจ. รวมทั้ง THG อาจจะเผชิญความเสี่ยงตามไปด้วย
แหล่งข่าวโบรกเกอร์ เปิดเผยการให้บริการจำนำหุ้นนอกตลาดหุ้นมีอยู่แล้วและเป็นการจัดแพ็กเกจ Personal Loans ให้กับรายใหญ่ – เศรษฐีหุ้น –ผู้บริหารบจ. กรณี “หมอบุญ” จัดแพ็กเกจดังกล่าวให้จากโบรกแห่งหนึ่งให้กับแหล่งทุนจากนั้นนำไปกระจายความเสี่ยง หาบุคคลปล่อยกู้ผ่านมาร์เก็ตติ้งซึ่งในตลาดมีถึง 8,000-7,000 ราย
โดยเกินครึ่งมาร์เก็ตติ้งและแทบทุกโบรกมีการเสนอขาย Personal Loans รวมทั้งของหมอบุญ ให้กับนักลงทุนเป็นทอดๆ จึงเกิดผู้เสียหายจำนวนมากและมูลค่าสูงด้วยดอกเบี้ย 7-8 % จากต้นทาง 15 % แต่ถูกหักหัวคิวต่อๆกันมา ซึ่งจากนี้ต้องดูว่ามาร์เก็ตติ้งที่ถูกหมายจับไปจะมีการสาวไปถึงมาร์เก็ตติ้งรายอื่นหรือไม่
“สินทรัพย์ที่นำไปค้ำประกันการกู้นอกจากหุ้น THG เท่าที่ทราบมายังมีสินทรัพย์ภายใต้กิจการ THG มาค้ำประกันรวมอยู่ด้วยหากตรวจสอบพบและสาวไปถึงได้เข้าข่ายฉ้อโกงทรัพย์สินมหาชน เข้าข่ายความผิด พรบ.หลักทรัพย์ ที่ก.ล.ต.ต้องตรวจสอบด้านนี้“
อย่างไรก็ตามด้านกรรมการ THG เปิดเผย “กรุงเทพธุรกิจ”ยังไม่มีผลกระทบที่เกิดขึ้นเพราะหุ้นที่นำไปจำนำเป็นหุ้นส่วนบุคคล โครงการอ้างถึงเพื่อนำไปค้ำประกันทาง THG ไม่ได้ไปลงทุน ซึ่งทางการยังไม่มีการสอบถามหรือเรียกชี้แจงแต่อย่างใด
“ทางหมอบุญ ไม่ได้เป็นกรรมการและผู้บริหารอยู่แล้ว ซึ่งการกระทำเรื่องส่วนบุคคล แม้จะมีความเสียหายด้านจำนวนหุ้นที่ถือเป็นเรื่องของกลุ่มวนาสิน ทาง THG ไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด”
ทาง THG มีการชี้แจงผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ เกี่ยวข้องดังกล่าวในฐานะกรรมการ “นางจารุวรรณ และนางสาวนลิน “ ดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการของบริษัทยังอยู่ระหว่างกระบวนการพิจารณาทางกฎหมาย และยังไม่มีคำตัดสินถึงที่สุด ซึ่งไม่มีผลกระทบใด ๆ ต่อการดำเนินธุรกิจ หรือการปฏิบัติงานของบริษัท
อย่างไรก็ดี คณะกรรมการฯ อาจพิจารณานาเสนอเรื่องดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ เพื่อพิจารณาถึงคุณสมบัติและความเหมาะสมของกรรมการทั้งสองท่านในการดำรงตำแหน่งต่อไป
สำหรับ โครงการจิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้ เป็นการลงทุนของบริษัท ธนบุรี เวลบีอิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ ถือหุ้นเกือบทั้งหมดในบริษัทย่อยดังกล่าวมาตั้งแต่เริ่มต้นโครงการจนถึงปัจจุบัน
กรณีธุรกิจทางการแพทย์ 5 โครงการ ได้แก่ โครงการสร้างศูนย์มะเร็งย่านปิ่นเกล้า -โครงการเวลเนสเซ็นเตอร์ ย่านพระราม 3 ริมแม่น้าเจ้าพระยา -โครงการโรงพยาบาลในลาว 3 แห่ง -โครงการเข้าร่วมทุนกับโรงพยาบาลในเวียดนาม และ โครงการสร้าง Medical intelligence เป็นการดำเนินการหมอบุญ แต่เพียงผู้เดียว บริษัทไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด
ส่วน ศูนย์มะเร็งย่านปิ่นเกล้า และแผนการสร้างโรงพยาบาลในเวียดนาม บริษัทเข้าไปเกี่ยวข้องในช่วงแรกและตัดสินใจไม่ดาเนินการลงทุนในทั้งสองโครงการ