SET ร่วงต่ำสุดในรอบ 9 ปี ถือเป็นระดับต่ำกว่า GDP ของประเทศ

SET ร่วงต่ำสุดในรอบ 9 ปี ถือเป็นระดับต่ำกว่า GDP ของประเทศ

SET INDEX ปัจจุบัน 1384.76 จุด นับเป็นระดับที่ต่ำสุดในรอบ 9 ปี ถือเป็นระดับที่ต่ำกว่าขนาด GDP ของประเทศ รองจากอันดับ 8 SET วันแรกของปี 2024 ที่ 1433 จุด และอันดับ 7 SET วันแรกของปี 2021 ที่ 1468 จุด

บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า ถ้าวัดระดับ SET INDEX ที่จุดเริ่มต้นในเดือนมกราคม ของทุกปี พบว่า ที่ระดับ SET INDEX ปัจจุบัน 1384.76 จุด นับเป็นระดับที่ต่ำสุดในรอบ 9 ปี โดยหากประเมินขนาด MARKET CAP ซึ่งอยู่ที่ 17.43 ล้านล้านบาท ไม่รวม DELTA 15.53 ล้านล้านบาท ถือเป็นระดับที่ต่ำกว่าขนาด GDP ของประเทศ 
 

ส่วนในมุมของ VALUATION พบว่ามี MARKET EARNING YIELD GAP อยู่ที่ 4.6% และหากปรับลด EPS ปี 2568 ลงมา เชื่อว่า MARKET EARNING YIELD GAP ยังสูงถึง 3.5% ซึ่งถือเป็น VALUATION ที่ถูกมาก

อย่างไรก็ตาม ความถูกที่กล่าวมาข้างต้น ไม่สามารถทำให้ SET INDEX ปรับขึ้นได้หากไม่มีแรงหนุนจากกำลังซื้อที่มากพอ ซึ่งประเมินจากปัจจัยแวดล้อมทางพื้นฐานก็ยังไม่เห็นประเด็นที่จะทำให้ FUND FLOW ไหลกลับ และระยะสั้นยังมีการไถ่ถอน LTF กดดันอยู่แม้ VALUATION บ้านเราจะไม่แพง แต่หากไม่มีแรงซื้อที่ต่อเนื่องหนุน การปรับขึ้นก็ยังยาก ในระยะสั้นหวังเพียง TECHNICAL REBOUND กรอบ 1378-1390 จุด TOP PICK เลือก BCH, BJC และ TRUE

ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินดัชนีหุ้นไทย เริ่มต้นมาในปี 2025 ถือว่าถูกมาก สะท้อนได้จาก SETINDEX เปิดตัววันแรกของปี 2025 ที่ 1380 จุด ถือว่าเป็นดัชนีในวันแรกของปีที่ต่ำที่สุดในรอบ 9 ปี รองจากอันดับ 8 คือ SET วันแรกของปี 2024 ที่ 1433 จุด และอันดับ 7 SET วันแรกของปี 2021 ที่ 1468 จุด ต่างกับ SET INDEX วันแรกของปี 2018 ที่สูงที่สุด คือ 1779 จุด เป็นต้น 

ส่วนปัจจัยกดดันดัชนีหลักๆ ในเดือนนี้ 2 เรื่อง อาจจะไม่รุนแรงอย่างที่คิด

1.ความกังวลแรงขายสถาบันฯ ในประเทศ ในเดือนม.ค. อาจไม่รุนแรงมากอย่างที่นักลงทุนกังวล แม้ปี 2025 จะมียอด LTF คงค้างสามารถขายคืนได้ครบทั้งหมด 2.3 แสนล้านบาท แต่เป็นยอด LTF ใหม่ที่ขายได้ของปี 2019 กว่า 7 หมื่นล้านบาท ซึ่งมีต้นทุนเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักที่สูงถึง 1608 จุด อาจจะไม่ขายออกมามากในช่วงนี้ บวกกับสถิติในอดีต 5 ปี หลังสุดในเดือนม.ค. ปกติสถาบันฯ ในประเทศขายหนักเกือบทุกปี เฉลี่ยขายสุทธิ 1.58 หมื่นล้านบาท ในเดือนเดียว แต่มีเพียง 2 ปีที่ SET INDEX ลบเยอะ คือ ปีโควิด 2020 กับปีที่แล้ว 2024 ที่กำไร 4Q23 ออกมาต่ำมาก 1.7 แสนล้านบาท ดังนั้นด้วย SET INDEX ที่เปิดตัวมาในปี 2025 ต่ำสุดในรอบ 9 ปี อยู่แล้ว น่าจะเผชิญผลกระทบจากแรงขาย LTF จำกัด

2.แม้ SET INDEX มี DOWNSIDE จากการปรับลด EPS25F แต่ในมุม VALUATION ที่ SET INDEX 1400 จุด ถือว่ามี P/E EX DELTA ที่ถูก และมีหุ้นขนาดใหญ่หลายบริษัทย่อตัวลงมาลึกมาก โดยปกตินักวิเคราะห์จะมีการปรับ FORWARD EPS ตลาดลงราว 1 ถึง 5 บาท/หุ้น ในช่วง 1 – 3 เดือนแรกของปี โดยปัจจุบัน BLOOMBERG ประเมิน EPS25F ไว้ที่ 96.5 บาท/หุ้น 

แต่ฝ่ายวิจัยฯ ทำ SENSITIVITY EPS25F และ MARKET EARNING YIELD GAP (MEYG) ของ SET INDEX ที่1400 จุด อิงสมมติฐานกำไร DELTA ปี 2025 ที่ 2.75 หมื่นล้านบาท และ BOND YIELD 1Y ที่ 2.25%พบว่า แม้ SET INDEX จะถูกปรับ EPS25F ลงไปเหลือ 85 - 95 บาท/หุ้น แต่หากหัก DELTA ออก จะมี EPS25F EX DELTA ที่92.9 - 104.2 บาท/หุ้น หรือมี MARKET EARNING YIELD GAP (MEYG) กว้างถึง 4.4% - 5.2% (สูงกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปีที่ 3.8%) หรือคิดเป็นกรอบ P/E 25F EX DELTA ที่ต่ำเพียง 13.4 - 15 เท่า แสดงให้เห็นว่า ทั้งดัชนี และ P/E ของ SET INDEX ถูกบดบังแต่จริงๆ ต่ำมาก หรือ อีกนัยคือ มีหุ้นที่ขึ้นแรงกระจุก แต่มีหุ้นที่ลงแรงกระจายตัวอยู่มากกว่าที่ควรจะเป็น ซึ่งน่าจะเป็นจังหวะในการสะสมในระยะกลางถึงยาว

อย่างไรก็ตาม SET INDEX ยังแอบซ้อนความถูกมีหุ้นพื้นฐานลงแรงๆ ให้เลือกลงทุนระยะกลางยาวอยู่เยอะ อีกทั้งเริ่มต้นปี 2025 SET ต่ำสุดในรอบ 9 ปี และในมุม VALUATION ที่หาก SET ไม่รวม DELTA ก็มี EPS25F เพิ่มขึ้นราว 9 บาท และแม้จะถูกปรับ EPS ลงก็ยังซื้อขายบน P/E 25F EX DELTA ต่ำเพียง 13.4 - 15 เท่า

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์