‘เฮียฮ้อ’ จำนำหุ้น ‘อาร์เอส’ ตะลึงพบ ‘กู้เงินใน - นอกตลาด’ กว่า ‘พันล้าน’
หุ้น RS - RSXYZ กอดคอดิ่งฟลอร์ โดย RS ร่วงปิดจุดต่ำสุด 3.76 บาท RSXYZ ปิด 1.15 บาท สะพัด “เฮียฮ้อ” ถูกฟอร์ซเซล หุ้นตัวเองทั้งในตลาดผ่านโบรกเกอร์ และยังมีธุรกรรมนอกตลาด มูลค่า 1,000 ล้านบาท ระบุมีการนำหุ้นเร่ขายทั้งแบบจำนำหุ้น - เสนอ Big lot และ ทำ Block Trade
ความเคลื่อนไหว “ตลาดหุ้นไทย” วานนี้ (7 ม.ค.68) กลับมารีบาวด์จากการซื้อกลับในหุ้นขนาดใหญ่ แต่ปรากฏว่าหุ้นขนาดเล็ก บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS กลับเผชิญแรงขายอย่างหนักในช่วงบ่าย (7 ม.ค.2568) จากราคาเปิดซื้อขายที่ 5.35 บาท โดยมีราคาสูงสุดของวันอยู่ที่ 5.40 บาท จนกระทั่งช่วงบ่ายเจอแรงเทขายถล่มจนราคาร่วงมาทำราคาต่ำสุด (ฟลอร์) ของวันที่ 3.74 บาท หรือ 30.09%
รวมทั้งราคาหุ้นในกลุ่มอย่าง บริษัท อาร์เอสเอ็กซ์วายแซด จำกัด (มหาชน) หรือ RSXYZ ราคาเปิดอยู่ที่ 1.55 บาท เจอแรงเทขายช่วงบ่ายเช่นกันทำราคาต่ำสุดที่ 1.09 บาท ก่อนจะมาปิดตลาดที่ 1.15 บาท ลดลง 25.81%
ท่ามกลางกระแสข่าวว่าผู้ถือหุ้นรายใหญ่ “เฮียฮ้อ” นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ซึ่งถือหุ้น RS สัดส่วน 22.32% หรือ 487 ล้านหุ้น และถือหุ้นใน RSXYZ สัดส่วน 16.35% หรือ 257 ล้านหุ้น ถูกบังคับขาย หรือ Forced sell จากการจำนำหุ้นนอกตลาด จนนำไปสู่ราคาหุ้น RS ที่ร่วงรุนแรง
แหล่งข่าวโบรกเกอร์ เปิดเผย “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า กรณีที่ราคาหุ้น RS เผชิญการ Forced sell จากราคาหุ้นที่ลงมา ซึ่งพบว่ามีแต่แรงเสนอขาย (Offer) ไม่มีแรงเสนอซื้อ (BID) ซึ่งมาจากการที่ผู้ถือรายใหญ่ “เฮียฮ้อ” มีการจำนำหุ้นตัวเองโดยมีทั้งจำนำนอกตลาดมูลค่าระดับ 1,000 ล้านบาท รวมไปถึงการจำนำหุ้นกับโบรกเกอร์หลายรายเพื่อนำเงินไปใช้หมุนเวียน
โดยใช้วิธีการจำหุ้นในตลาดใช้ทั้งหุ้น RS และหุ้นในกลุ่ม GIFT (ปัจจุบัน RSXYZ) เมื่อเต็ม ลิมิตเริ่มมีการเปลี่ยนนำเสนอขายผ่านกระดานรายใหญ่ (Big Lot) รวมทั้งการใช้เครื่องมือทางการลงทุนอย่าง Block Trade ใน Single Stock ตลาดฟิวเจอร์ ด้วยการวางเงินเพียงส่วนหนึ่ง โดยมีอัตราทดที่ 5-25 เท่า ซึ่งวิธีการจะเน้นซื้อในซีรีส์ที่อายุไกลที่สุดเพื่อจะได้มีเวลาหมุนเงิน จนปริมาณเพิ่มสูงขึ้นแบบผิดปกติ จนทำให้แต่ละโบรกเกอร์เริ่มกังวลเริ่มมีการบังคับจำกัดวงเงิน และไม่เปิดสัญญาให้อีก ส่งผลทำให้น่าจะเกิดปัญหาด้านการเงินไม่มีเงินมาปิดบัญชีกู้จนนำไปสู่การ Force sell
“รูปแบบการนำหุ้นมาหาสภาพคล่องของหุ้น RS และ GIFT เกิดขึ้นมานานแล้วแต่ด้วยวิธีการ และตลาดยังไม่ขาลงยังทำได้แต่พอมีหลายเคสเกิดขึ้น และราคาหุ้นมีแต่แรงขายทำให้ไม่สามารถประคองสภาพคล่องไปได้ ยิ่งบวกกับสถานะการเงินของกลุ่มอาร์เอสมีปัญหาทำให้เสนอขาย Big Lot ไม่มีใครสนใจ”
อย่างไรก็ตาม “กรุงเทพธุรกิจ” ได้มีการสอบถามไปยังผู้บริหาร RS พบว่าผู้บริหารรับว่าหุ้นเผชิญ Forced sell และอยู่ระหว่างการหารือถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นเพื่อชี้แจงต่อไป
หากย้อนดูเคสหุ้น RS ไม่ใช่เคสแรกในตลาดหุ้นไทย เพราะก่อนหน้านี้ บริษัท วอริกซ์ สปอร์ต จำกัด (มหาชน) หรือ WARRIX ก็พบว่า หุ้นที่ใช้เป็นหลักประกัน จำนวน 15,000,000 หุ้นหายไป และหลังการตรวจพบจํานวนหุ้นที่หายไปจากการนําไป “จํานํา” เพื่อเป็นหลักประกันเงินกู้ โดยการฝากในฐานะเป็นหลักประกันไว้กับคัสโตเดียน
และตามมาด้วยเคสของ บริษัท อิ๊กดราซิล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ YGG ที่ราคาหุ้น YGG ปรับตัวลงมารุนแรง ก่อนจะถูกเฉลยว่าแรงขายหุ้นที่ออกมาจากที่ “ธนัช จุวิวัฒน์” ผู้ถือหุ้นใหญ่ถูกฟอร์ซเซล เนื่องจากมีการนำหุ้น YGG ไปวางค้ำประกันในบัญชีมาร์จิน อีกทั้งยังมีนักลงทุนรายอื่นๆ นำหุ้น YGG ไปวางมาร์จินด้วย
และล่าสุดกับกรณี บริษัท ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCM ที่ราคาหุ้นปรับตัวลงมารุนแรงเช่นเดียวกัน ก่อน SCM จะแจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า ยอมรับว่าราคาหุ้น SCM ที่ปรับตัวลงมาแรง หรือฟลอร์ติดต่อกัน 4 วันติด เหตุเพราะ “สิทธวีร์ เกียรติชวนันต์” และ “นพกฤษฏิ์ นิธิเลิศวิจิตร” สองผู้ถือหุ้นใหญ่ถูก Force sell หลังนำหุ้นไปวางค้ำประกันเช่นกัน
หรือแม้แต่เคสใหญ่ อย่าง คดี “หมอบุญ วนาสิน” ที่เป็นการออกใบหุ้นนอกตลาด แม้จะบอกว่าเป็นการกระทำในนามส่วนตัว และไม่เชื่อมโยงกับ บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG แต่ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่ากระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อหุ้น THG สะท้อนจากราคาหุ้น THG ที่ปรับตัวลงติดต่อกันหลายวัน
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์