หุ้นไทยวันนี้ (10 ม.ค.) ปิดตลาดบวก 5.02 จุด ต่ำกว่า 1,350 จุดเป็นโอกาสลงทุน

ความเคลื่อนไหวดัชนีตลาด “หุ้นไทยวันนี้” วันนี้ (10 ม.ค.) ปิดตลาดเย็นอยู่ที่ 1,367.99 จุด บวก 5.02 จุด หรือ 0.37% โดยดัชนี“ตลาดหุ้นไทย”ผันผวนในทิศทางปรับตัวขึ้น-ลงเกือบทั้งวันซึ่งทำจุดต่ำสุดวันนี้อยู่ที่ 1,352.33 จุด และสูงสุดอยู่ที่ 1,371.10 จุด มูลค่าซื้อขาย 42,698.31 ล้านบาท

ภาวะหุ้นไทยวันนี้ (10 ม.ค.)

หุ้นที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด 5 ลำดับแรก ได้แก่

1.DELTA มูลค่า 2,987.49 ล้านบาท ราคาหุ้นอยู่ที่ 156.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท หรือ 0.64%

2. RS มูลค่า 2,456.13 ล้านบาท ราคาหุ้นอยู่ที่ 1.50 บาท ลดลง 0.31 บาท หรือ 17.13%

3. GULF มูลค่า 1,849.35 ล้านบาท ราคาหุ้นอยู่ที่ 58.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท หรือ 2.18%

4. CPALL มูลค่า 1,560.18 ล้านบาท ราคาหุ้นอยู่ที่ 55.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท หรือ 0.45%      

5.TRUE มูลค่า 1,482.53 ล้านบาท ราคาหุ้นอยู่ที่ 11.20 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท หรือ 2.75%              

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ผันผวน แต่ปิดบวกเล็กน้อย 4-5 จุด เพราะตลาดได้รับแรงกดดันในช่วงที่ผ่านมาจากความกังวลเกี่ยวกับเกณฑ์การปล่อยกู้มาร์จิ้นใหม่ของ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ที่อยู่ระหว่างรับฟังความเห็น

อย่างไรก็ตาม เกณฑ์ดังกล่าวมีวัตถุประสงค์หลัก 6 ข้อ เพื่อควบคุมความเสี่ยงของธุรกิจหลักทรัพย์ ป้องกันการกระจุกตัวของการปล่อยกู้ และดูแลให้การปล่อยกู้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่แท้จริง เนื่องจากในอดีตมีการนำหุ้นมาเป็นหลักประกันแต่นำเงินไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ นอกจากนี้ยังมีมาตรการห้ามปล่อยมาร์จิ้นในหุ้นที่ประกาศขายให้ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ช่วง 14 วันแรก เนื่องจากราคามีความผันผวนสูงทั้งขึ้นและลง โดยหุ้น IPO อาจลงได้ถึง 50% ในวันเดียว

สำหรับการฟื้นตัวในช่วงบ่าย มีปัจจัยหนุนจากการเก็งกำไรก่อนงาน Dinner Talk ของ ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในวันจันทร์ที่ 13 ม.ค. ที่คาดว่าจะมีประเด็นบวกต่อนโยบายการลงทุน โดยหุ้นที่ได้แรงซื้อส่วนใหญ่วันนี้เป็นกลุ่มที่ไม่มีความเสี่ยงต่อการปรับประมาณการกำไร เช่น กลุ่มไฟฟ้า (แม้จะมีแนวคิดปรับลดค่าไฟแต่ต้องใช้เวลาดำเนินการ) สื่อสาร และธนาคารพาณิชย์ที่ใกล้ประกาศผลประกอบการของไตรมาสที่ผ่านมา

ทั้งนี้ บทวิเคราะห์ของยูโอบี เคย์เฮียน มองว่า ความกังวลที่เกิดขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาทำให้เกิดภาวะ De-rating หรือการที่นักลงทุนให้พรีเมียมการซื้อขายหุ้นลดลง อย่างไรก็ตาม ค่าเฉลี่ย P/E ของ SET Index อยู่ที่ประมาณ 13-15 เท่า หรือคำนวณเป็นดัชนีฯ คร่าวๆ ที่ประมาณ 1,300-1,500 จุด โดยระดับ 1,300 จุดสะท้อนปัจจัยเสี่ยงไปมากแล้วและถือเป็นโอกาสลงทุน อย่างไรก็ตาม ควรเน้นกลุ่มที่มีแนวโน้มกำไรแข็งแกร่ง เพราะในภาวะ De-rating หุ้นที่กำไรไม่ดีจะได้รับผลกระทบทั้งจาก P/E ที่ลดลงและกำไรที่หายไป

สำหรับ หุ้นแนะนำ ได้แก่ กลุ่มธนาคาร (KBANK, SCB) การเงิน (MTC) ค้าปลีก (CPALL) สื่อสาร (ADVANC) ไฟฟ้า (GULF) และท่องเที่ยว (AOT, ERW, VRANDA) โดยกลุ่มท่องเที่ยวแนะนำทยอยสะสมเนื่องจากยังมีความกังวลประเด็นการลักพาตัวชาวจีนที่ผ่านประเทศไทย

ทั้งนี้ นายกิจพณคาดว่า ความผันผวนของตลาดจะไม่เกินช่วงกลางเดือนหรือสัปดาห์หน้า เนื่องจากปัจจัยทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงกรณีของ โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนปัจจุบันของสหรัฐ น่าจะมีความชัดเจนมากขึ้น โดยให้แนวรับที่ 1,342 จุด และแนวต้านที่ 1,385 จุด ส่วนระดับต่ำกว่า 1,350 จุดถือเป็นโอกาสในการลงทุน