หุ้นไทยวันนี้ (15 ม.ค.) ปิดตลาดบวก 12.92 จุด อานิสงส์ PPI สหรัฐต่ำคาด
“ตลาดหุ้นไทย” วันนี้ (15 ม.ค.) ปิดตลาดเย็นอยู่ที่ 1,353.17 จุด บวก 12.92 จุด หรือ 0.96% อานิสงส์ ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) สหรัฐที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด แนะจับตา ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) สหรัฐที่จะประกาศในคืนนี้ คาดพรุ่งนี้แกว่ง 1,340-1,360 จุด
ความเคลื่อนไหวดัชนีตลาด “หุ้นไทยวันนี้” วันนี้ (15 ม.ค.) ปิดตลาดเย็นอยู่ที่ 1,353.17 จุด บวก 12.92 จุด หรือ 0.96% โดยดัชนีตลาดหุ้นไทยผันผวนในทิศทางปรับตัวขึ้นลงเกือบทั้งวันซึ่งทำจุดต่ำสุดวันนี้อยู่ที่ 1,334.79 จุด และสูงสุดอยู่ที่ 1,353.17 จุด มูลค่าซื้อขาย 44,216.57 ล้านบาท
ภาวหุ้นไทยวันนี้ (15 ม.ค.)
หุ้นไทยวันนี้ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด 5 ลำดับแรก ได้แก่
1. DELTA มูลค่า 3,557,305.85 ล้านบาท ราคาหุ้นอยู่ที่ 140.00 บาท ลดลง 3.50 บาท หรือ 2.44%
2. ADVANC มูลค่า 2,217,532.20 ล้านบาท ราคาหุ้นอยู่ที่ 287.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท หรือ 1.06%
3. CPALL มูลค่า 1,984,788.88 ล้านบาท ราคาหุ้นอยู่ที่ 55.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท หรือ 2.29%
4. KBANK มูลค่า 1,971,769.35 ล้านบาท ราคาหุ้นอยู่ที่ 163.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท หรือ 0.93%
5. GULF มูลค่า 1,851,761.60 ล้านบาท ราคาหุ้นอยู่ที่ 60.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.75 บาท หรือ 3.00%
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ลิเบอเรเตอร์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้เปิดตลาดในแดนลบในช่วงเช้าก่อนที่จะฟื้นตัวขึ้นในช่วงบ่าย สะท้อนถึงความพยายามในการสร้างฐานของตลาด ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อตลาดคือระดับ PE ของตลาดที่ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 13.9 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปีย้อนหลังที่ 16 เท่า และต่ำกว่า 1.5 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สะท้อนว่าระดับราคาหุ้นเริ่มน่าสนใจสำหรับการลงทุน
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากตัวเลขดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) สหรัฐที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด ช่วยบรรเทาความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ รวมถึงมีสัญญาณเชิงบวกจากทิศทางอัตราดอกเบี้ยในภูมิภาค โดยเฉพาะจากอินโดนีเซียที่มีแนวโน้มจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย
กรุงเทพธุรกิจรวบรวม
สำหรับแนวโน้มตลาดวันพรุ่งนี้ (16 ม.ค.) คาดว่าดัชนีจะแกว่งตัวในกรอบแคบระหว่าง 1,340-1,360 จุด โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามคือตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) สหรัฐที่จะประกาศในคืนนี้ ซึ่งตลาดคาดหวังว่าจะเพิ่มขึ้นในอัตราที่ไม่สูงมากนัก หากเป็นไปตามคาดการณ์อาจเป็นปัจจัยหนุนตลาด อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรติดตามประเด็นการเมืองสหรัฐอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับทรัมป์ในวันที่ 20 มกราคม เนื่องจากอาจส่งผลต่อทิศทางตลาดในระยะถัดไป
ด้านคำแนะนำการลงทุน มองว่ากลุ่มนิคมอุตสาหกรรมอย่าง AMATA มีโอกาสได้ประโยชน์หากมีการย้ายฐานการผลิตออกจากจีน เนื่องจากไทยและเวียดนามถือเป็นแหล่งรองรับการลงทุนที่มีศักยภาพทั้งในด้านทรัพยากรและระบบโลจิสติกส์ โดย AMATA มีแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4 ที่แข็งแกร่งตามฤดูกาล
ขณะที่กลุ่มค้าปลีกอย่าง CRC และ CPALL มีปัจจัยหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านมาตรการของภาครัฐที่จะเริ่มในวันพรุ่งนี้ โดยเฉพาะ CPALL ที่ล่าสุดสามารถนำสินค้า OTOP มาร่วมโครงการได้ด้วย อย่างไรก็ดี เนื่องจากตลาดยังขาดความเชื่อมั่นและมีความผันผวน นักลงทุนควรระมัดระวังการลงทุนและเลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งเป็นหลัก