ผลประกอบการดันตลาดหุ้นสหรัฐเพิ่มขึ้น ท่ามกลางความผันผวน

ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นในวันพฤหัสบดี ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน ขณะที่นักลงทุนกำลังจับตามองผลประกอบการล่าสุดของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ ส่วนเศรษฐกิจสหรัฐไตรมาสสี่โตต่ำกว่าคาด
ซีเอ็นบีซี รายงานภาวะตลาดหุ้นวอลล์สตรีทในวันพฤหัสบดี (30 ม.ค.) ว่า ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ Dow Jones Industrial Average เพิ่มขึ้น 168.61 จุด หรือ 0.38% ปิดที่ 44,882.13 จุด โดยที่ดัชนีเพิ่มขึ้นเกือบ 300 จุดในช่วงที่ปิดตลาด ดัชนี S&P 500 ปรับเพิ่มขึ้น 0.53% ปิดที่ 6,071.17 จุด ขณะที่ดัชนี Nasdaq Composite เพิ่มขึ้น 0.25% ปิดที่ 19,681.75 จุด
หุ้นปรับตัวลดลงในช่วงท้ายวันของการซื้อขาย หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศความตั้งใจที่จะจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากแคนาดาและเม็กซิโก 25%
ตลาดวอลล์สตรีทได้ย่อยข้อมูลผลประกอบการไตรมาสล่าสุดของบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่หลายแห่ง หุ้นของ Meta Platforms ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเฟซบุ๊ก และ Tesla บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 1.6% และ 2.9% ตามลำดับ ในขณะที่หุ้น Microsoft ร่วงลง 6.2% หลังจากที่บริษัทรายงานผลประกอบการ Meta มีรายรับและกำไรสูงกว่าที่ตลาดคาด แต่หุ้น Microsoft กลับร่วงลงหลังจากที่บริษัทออกคาดการณ์รายได้ไตรมาสปัจจุบัน(ม.ค.-มี.ค. ) ต่ำกว่าไตรมาสที่ผ่านมา แต่หุ้น Tesla ปรับขึ้นแม้ผลประกอบการออกมาไม่ดี
หุ้น Apple ปิดตลาดติดลบ แต่เพิ่มขึ้น 3% ในช่วงการซื้อขายนอกเวลาทำการปกติ หลังบริษัทรายงานผลประกอบการดีกว่าคาด แต่ยอดขายโทรศัพท์มือถือไอโฟนในจีนร่วงลง 11.1%ส่งผลให้ยอดขายไอโฟนต่ำกว่าตลาดคาดไว้เล็กน้อย บริษัทคาดยอดขายโดยรวมยังเติบโตในไตรมาสปัจจุบันที่สิ้นสุดเดือนมีนาคม
“เมื่อคืนนี้ บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่สามแห่งรายงานผลประกอบการ และในภาพใหญ่แล้ว ทั้งหมดผ่านด่านการรายได้และกำไรไปได้โดยไม่เสียหาย” อาร์ต โฮแกน หัวหน้านักกลยุทธ์การตลาดของกองทุน B. Riley Wealth Management กล่าว “ถือเป็นเรื่องดีเมื่อคุณดูจำนวนรวมของบริษัทที่รายงานผลประกอบการและจำนวนบริษัทที่ทำรายได้และกำไรได้ดีกว่าที่คาดไว้”
ในทางกลับกัน นักลงทุนค่อนข้างระมัดระวังที่จะซื้อหุ้นหลังจากการเติบโตของ GDP ในไตรมาสที่สี่อยู่ที่ 2.3% ซึ่งต่ำกว่าที่คาดไว้ที่ 2.5% และต่ำกว่าไตรมาสก่อนหน้าที่โต 3.1%
ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทฟื้นตัวจากการลดลงในวันพุธหลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐหยุดการลดอัตราดอกเบี้ย โดยคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ไว้ที่ระดับ 4.25-4.5% ในแถลงการณ์หลังการประชุม ผู้กำหนดนโยบายระบุว่าอัตราเงินเฟ้อยังคง “สูงขึ้นเล็กน้อย”
โฮแกนกล่าวว่า “เราอาจเข้าใจเหตุที่เฟดไม่ลดอัตราดอกเบี้ย เพราะเฟดน่าจะทำเช่นนั้นด้วยเหตุผลที่ถูกต้อง ซึ่งหมายความว่าข้อมูลเศรษฐกิจดูเหมือนจะสอดคล้องกับการคงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิมในตอนนี้ นอกจากนี้ยังทำให้เฟดมีเวลาประเมินนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่และพยายามสร้างแบบจำลองว่านโยบายดังกล่าวจะมีผลกระทบอย่างไรต่อทั้งเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ”
บริษัทอื่นๆในหุ้มกลุ่มเจ็ดนางฟ้า “Magnificent Seven” จะรายงานในอีกไม่กี่วันข้างหน้า โดย Amazon จะรายงานในสัปดาห์หน้า นักลงทุนยังรอคอยรายงานดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลในวันศุกร์สำหรับเดือนธันวาคมด้วย
ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq Composite ซึ่งเน้นกลุ่มเทคโนโลยี มีแนวโน้มที่จะปิดสัปดาห์นี้ในแดนลบ แม้ว่าจะสามารถชดเชยการสูญเสียบางส่วนจากการเทขายหนักในวันจันทร์ได้ก็ตาม ดัชนี Dow ซึ่งเป็นดัชนีหลักเพียงหนึ่งเดียวที่มีแนวโน้มจะปรับตัวขึ้นสัปดาห์นี้