ดาวโจนส์ร่วง 300 จุด รับข่าวสหรัฐเริ่มเก็บภาษีนำเข้าวันเสาร์

ดาวโจนส์ร่วง 300 จุด รับข่าวสหรัฐเริ่มเก็บภาษีนำเข้าวันเสาร์

ตลาดหุ้นสหรัฐปิดในแดนลบในวันศุกร์ หลังจากมีข่าวว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะเริ่มเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากคู่ค้ารายใหญ่ของสหรัฐ ทั้งแคนาดา เม็กซิโก และจีน ในวันเสาร์

ซีเอ็นบีซี รายงานภาวะตลาดหุ้นสหรัฐในวันศุกร์ (31ม.ค.) ว่า ดัชนี S&P 500 ลดลง 0.50% ปิดที่ 6,040.53 จุด ขณะที่ดัชนี Dow Jones Industrial Average ร่วงลง 337.47 จุด หรือ 0.75% โดยได้รับแรงกดดันจากการลดลงของหุ้น Chevron ดัชนี Dow ซึ่งมีหุ้น 30 ตัวปิดตลาดที่ 44,544.66 จุด ขณะที่ดัชนี Nasdaq Composite ซึ่งเน้นหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ลดลง 0.28% ปิดตลาดที่ 19,627.44 จุด

หุ้นหยุดการเพิ่มขึ้นก่อนหน้านี้ หลังจากที่โฆษกทำเนียบขาว แคโรไลน์ ลีวิตต์ ประกาศเมื่อบ่ายวันศุกร์ว่าภาษีที่ประธานาธิบดีทรัมป์เรียกเก็บจะเปิดเผยต่อสาธารณชนในวันเสาร์ ทรัมป์จะจัดเก็บภาษีแคนาดาและเม็กซิโก 25% ควบคู่ไปกับภาษีจีน 10% ดัชนีดาวโจนส์ปรับขึ้นมากกว่า 170 จุดในช่วงที่ราคาหุ้นพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบวัน หุ้นที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีศุลกากรนี้ เช่น Constellation Brands ผู้ผลิตเบียร์ Corona และ Chipotle ซึ่งเป็นเครือร้านอาหารเม็กซิกัน ร่วงลงเกือบ 2% และ 1% ตามลำดับเมื่อทราบข่าว

“เหตุการณ์นี้คล้ายคลึงกับเหตุการณ์ที่เราเห็นเมื่อวันจันทร์มากกับ DeepSeek ใช่ไหม? คือเมื่อมีข่าว ปฏิกิริยาแรกคือการขาย” ทอม ไฮน์ลิน นักกลยุทธ์การลงทุนอาวุโสจากกองทุน U.S. Bank Asset Management Group กล่าว “ปฏิกิริยาแรกคือการขาย เมื่อมีข่าวพาดหัวข่าวเกี่ยวกับภาษีศุลกากร เราไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เราไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับอัตราภาษี ไม่ทราบว่าจะเป็นการใช้ชั่วคราวหรือถาวร ปฏิกิริยาจากแคนาดา เม็กซิโก หรือจีนจะเป็นอย่างไร มุมมองของเราคือ เราจะรอและดูว่านโยบายจริงจะถูกนำมาใช้เมื่อใด”

นักลงทุนยังจับจ้องไปที่ Appleซึ่งผลประกอบการเกินความคาดหมายในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ แม้ว่า Apple จะรายงานยอดขายที่น่าผิดหวังของ iPhone แต่รายได้จากบริการดูเหมือนว่าจะได้รับความสนใจ หุ้นปิดตลาดลดลง 0.7% หุ้นของ Chevron และ Exxon Mobil ร่วงลง 4.6% และ 2.5% ตามลำดับจากผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ที่น่าผิดหวัง

การเคลื่อนไหวในวันศุกร์นี้เกิดขึ้นหลังจากที่ดัชนีหลักทั้งสามปรับสูงขึ้นในวันพฤหัสบดีแต่ผันผวน หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเป็นจุดสนใจหลักของนักลงทุนในสัปดาห์นี้ เนื่องมาจากการเทขายครั้งใหญ่เมื่อวันจันทร์ ซึ่งเกิดจากการการเปิดตัวแอปของสตาร์ทอัพด้านปัญญาประดิษฐ์ DeepSeek ของจีน และรายงานผลประกอบการของผู้เล่นหลักในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา

"ผมคิดว่าการเทขายครั้งใหญ่ครั้งนี้มากเกินไป" เจย์ แฮทฟิลด์ ซีอีโอของกองทุน Infrastructure Capital Advisors กล่าว "ความประหลาดใจใน DeepSeek กำลังจางหายไป เราคิดว่ามันจะจางหายไปอีกเมื่อ Amazon

และ Google รายงานผลประกอบการในสัปดาห์หน้า และ Nvidia จะรายงานผลประกอบการตามมา เรามีมุมมองในเชิงบวกกับเรื่องนี้"

หลังจากร่วงลง 3.07% ในวันจันทร์ (27 ม.ค.) ดัชนี Nasdaq Composite ปิดตลาดวันศุกร์ด้วยการลดลงในรายสัปดาห์ 1.6% S&P 500 และ Dow ซึ่งเป็นหุ้นชั้นนำปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการร่วงลง 1% และสูงขึ้น 0.3% ตามลำดับ Nvidia ซึ่งดิ่งลงเกือบ 17% ในวันจันทร์ ร่วงลงประมาณ 16% ในรอบสัปดาห์นี้

วันศุกร์ถือเป็นวันสุดท้ายของเดือนมกราคมที่ผันผวนสำหรับผู้ค้า อย่างไรก็ตาม ดัชนีหลักสามปรับสูงขึ้นในรอบเดือน โดย S&P 500 เพิ่มขึ้น 2.7% และ Nasdaq เพิ่มขึ้น 1.6% ดัชนี Dow มีผลงานดีกว่าในช่วงเวลาดังกล่าว พุ่งขึ้น 4.7%

“ยังคงมีรายงานผลประกอบการเหลืออยู่พอสมควร” แฮทฟิลด์ กล่าวเสริม “โดยปกติแล้ว การซื้อหุ้นในช่วงที่มีรายงานผลประกอบการนั้นคุ้มค่า ดังนั้น เราจะยังคงเห็นแนวโน้มขาขึ้นต่อในเดือนกุมภาพันธ์”

การเปิดเผยข้อมูลดัชนีราคารายจ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE )ประจำเดือนธันวาคมในวันศุกร์ ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐให้ความสำคัญ แสดงให้เห็นว่าเพิ่มขึ้น 0.3% จากเดือนพฤศจิกายน และ 2.6% ต่อปี แม้ว่าการเพิ่มขึ้นต่อปีนี้จะสอดคล้องกับที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ แต่ก็เป็นการเร่งตัวขึ้นจากอัตราในเดือนก่อนหน้าที่ 2.4% ทำให้มีความกังวลอยู่บ้างว่าอัตราเงินเฟ้อยังคงสูงไม่เปลี่ยนแปลง และหากไม่รวมอาหารและพลังงาน ดัชนี PCE พื้นฐานเพิ่มขึ้น 0.2% จากเดือนก่อนหน้าและ 2.8% ต่อปี